ไม่มีหมวดหมู่

Our symphony : Joker x Margaretha Zelle

At first sight , it was a painful memory.

At first sight , it looked like

 I could know the end of our scenario.

But at first sight , it so beautiful

 that I couldn’t deny to look at.

And nonetheless at first sight , you made me feel like…

I couldn’t stop this fast Heartbeats anymore.

 

ครั้งแรกพบช่างเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด

ครั้งแรกพบกลับคล้ายรับรู้ตอนจบ

กระนั้นครั้งแรกพบ กลับสวยงามจนไม่อาจละสายตา

และกระนั้นครั้งแรกพบ เธอก็ทำให้ฉัน…

ไม่อาจห้ามจังหวะหัวใจนี้ได้อีกเลย

 

 

 

 

พวกเราเจอกันในวันที่ความรุ่งโรจน์ของเขาเตรียมจะจบลง เธอผู้งดงามเหลือเกินในชุดนักฝึกสัตว์โบกสะบัดแส้ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ควบคุมเหล่าสิงโตตัวใหญ่

 

และในขณะเดียวกันมันก็ควบคุม

หัวใจของเขาไปด้วยอย่างสมบูรณ์

 

โจ๊กเกอร์แอบซ่อนใบหน้าเห่อร้อนของตนอยู่เบื้องหลังหน้ากากตัวตลก ยอมรับโดยดุษฎีว่าไม่อาจจะละสายตาจากความเจิดจ้าของเธอได้อีก แม้จะทุ่มทุกความพยายามทั้งหมดที่มีไปก็ตาม

และถึงจะรู้สึกไม่อยากยอมรับมากแค่ไหน หรือหัวใจจะถูกบีบรัดมากจนเจ็บไปหมดทั้งอกมากเท่าใด

เจ้าของสมญานามตัวตลกร้องไห้ก็ทำได้เพียงยอมรับว่า เซกิตัวตลกผู้หล่อเหลาเหมาะสมที่จะยืนเคียงข้างหญิงสาวผู้งดงามมากกว่า ผู้ทำได้แต่เพียงเรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากคนอื่นเช่นเขา

ครั้งหนึ่งพวกเราได้ร่วมแสดงบนเวทีเดียวกัน และเขารับรู้ได้จากสายตาของผู้ชมในทันที

 

ที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว…

 

…………………………………………….

 

“จะไปด้วยกันรึเปล่าโจ๊กเกอร์” เสียงเรียกทุ้มต่ำนั้นเป็นของ

ลีโอ เบรคก์

ฮันเตอร์หนุ่มวัยกลางคนถืออาวุธทรงตะเกียงอะลาดินเข้าชุดของตนอยู่ไม่ไกล

เรียกให้เจ้าของชื่อสะดุ้งจากภวังค์เพื่อตอบรับด้วยการพยักหน้าสองครั้ง และลุกเดินไปด้วยกันพร้อมอาวุธคล้ายหัวจรวดประจำตัว

สถานที่พักผ่อนของเหล่าฮันเตอร์เอง ก็คล้ายคลึงกับคฤหาสน์พักอาศัยของกลุ่มผู้ร่วมเกมรอดชีวิต จะต่างกันหน่อยก็ตรงห้องนั่งรอเริ่มเกมการแข่ง เนื่องจากสำหรับเหล่าฮันเตอร์แล้วเก้าอี้จะมีเพียงหนึ่งหรือสองตัวสำหรับโหมดการเล่นแบบใหม่

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนพวกเขาก็จะได้เห็นหน้าผู้ร่วมเกมก่อน เพื่อเตรียมแผนการรับมือกับความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นต่อไปในสนามการไล่ล่า

นี่เป็นครั้งแรกที่โจ๊กเกอร์ได้มาลงสนามคู่กับฮันเตอร์คนอื่น หลังจากที่เกมแรกไวโอเล็ตต้าลงดูโอ้กับแจ็ค และสร้างผลงานอันน่าประทับใจเอาไว้

เขาไม่แปลกใจที่ลีโอจะเลือกเขาไปเป็นคู่หูในเกมแรก เพราะถึงเหล่าฮันเตอร์จะไม่ได้สนิทสนมกันมากมายแบบกลุ่มผู้รอดชีวิต เขากับลีโอก็อยู่ด้วยกันมานานที่สุดและมีทัศนะบางอย่างคล้ายๆกันจนไม่ยากเลยที่จะเรียกกันว่า‘เพื่อนร่วมเกม’ ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

นั่งรออยู่เพียงครู่เหล่าผู้ร่วมเกมไล่ล่าก็ทยอยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะตัวยาว

ไนบ์ ซูบิดานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งหนึ่งให้โจ๊กเกอร์ได้แต่แอบเบ้ปากอยู่หลังหน้ากาก

การหลบหลีกของอดีตทหารรับจ้างคนนั้นทำให้เขางุ่นง่านใจได้เสมอจริงๆ…

ในขณะที่เอมิลี่ ดาย์เยอร์ในชุดนางฟ้าสีขาวบริสุทธิ์นั่งอยู่ที่กลางโต๊ะเคียงข้างกับเจ้าหญิงน้ำหอม

รายล้อมด้วยเทรซี่ เรสนิกและเซอร์เวียส เลอ ลอยย์ที่ฝั่งซ้าย กับสองคู่ดูโอ้ผู้นับถือเทพเจ้าคธูลูฟีโอน่า กิลแมนและอิไลน์ คลาร์ก

ฮันเตอร์หนุ่มสมญานามสไมลีย์ เฟสเบ้ปากเพิ่มอีกแล้วเมื่อเห็นอีกหนึ่งจินนี่ในเกม…

เขาเกลียดภาพมายาของนักมายากลหนุ่มคนนั้น พอๆกับการถูกยิงจากแฟรย์กันนั่นแหละ

และเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ว่างอยู่ก็ถูกเติมเต็ม ด้วยร่างบอบบางของหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งในชุดธีมฮัลโลวีน…ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางนั้นเข้ากับชุดที่เธอสวมอย่างไม่ต้องสงสัย

เธอนั่งสงบนิ่งอยู่เงียบๆรอคอยการเข้าสู่เกมโดยไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆกับใคร

และก็เป็นเธอนั่นเอง…มาการิต้า เซเร่

ที่ทำให้ตัวตลกเช่นเขา ไม่อาจหลุดเสียงหัวเราะใดๆออกมาได้เลยเมื่อเกมเริ่ม

เสียงสัญญาณกระจกแตกพร้อมความมืดที่แทรกซึมเข้ามาได้แม้กระทั่งพื้นที่เบื้องหลังหน้ากาก

เพียงครู่ที่ไม่ทันแม้แต่จะได้กระพริบตา ฮันเตอร์หนุ่มก็รับรู้ได้จากสภาพแวดล้อมรอบกาย และเสียงหัวเราะของเด็กๆผสมปนเปกันไป

ว่าจุดที่เขายืนอยู่ คือชั้นสองของสวนสนุกธาราแสงจันทร์

 

นี่มันไม่สนุกแล้วสิ…

 

โจ๊กเกอร์คว้าอะไหล่บนพื้นขึ้นมาต่อเติมอาวุธของตนอย่างรีบร้อน เสียงเครื่องจักรดังไปทั่วสนามแข่งขันพร้อมร่างสูงใหญ่ที่

ร็อกเก็ต แดชทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ตลอดมาก่อนจะเริ่มเกมทุกครั้ง โจ๊กเกอร์เป็นฮันเตอร์ที่ถูกบ่นถึงความเรื่องมากอยู่เสมอ

หากว่า ณ ห้องนั่งรอเริ่มเกมนั้นปรากฏร่างของมาการิต้า เซเร่ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรตัวตลกหนุ่มก็จะชิงตัดหน้าเล่นแมชนั้นก่อนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

แรกๆมันก็เป็นปัญหาอยู่บ้าง เพราะแน่นอนว่าการทำแบบนั้นย่อมสร้างความไม่พอใจเป็นธรรมดา ก่อนนานวันเข้ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติที่ทุกชาชินไป

ถึงจะมีความสงสัยตามท้ายการกระทำไม่สมเหตุสมผล ว่าเหตุใด สไมลีย์ เฟสผู้เก่งกาจจนติดท็อปการจัดอันดับอยู่เสมอถึงไม่เคยเก็บสี่เลย ในแมชที่มาการิต้า เซเร่ลงแข่ง

แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการจะก้าวก่าย หรือจะเป็นเพราะเลือกสรรถ้อยคำดีๆมาไม่ได้ก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเข้ามาถามเรื่องนั้นกับเจ้าตัวตรงๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว…

น่าเสียดายเหลือเกินที่คนแรกที่ตัวตลกหนุ่มเจอ ดันกลายเป็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุด…

เซอร์เวียส เลอ ลอยย์ ในชุดคลุมสีขาวแดงงดงาม ราวกับพ่อมดในเทพนิยายปรัมปรา และน่าหงุดหงิดที่สุดเลยเมื่ออีกฝ่ายกางแขนขึ้นสูง เต้นโยกย้ายหมุนตัวไปมายั่วโมโหแบบนี้!

“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายหรอกนะ” ชายหนุ่มเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะแต่งอาวุธของตนเพิ่มอีกหน่อย

รอยยิ้มของหน้ากากชวนให้รู้สึกขนหัวลุกไม่น้อย

แต่ถ้าเซอร์เวียส เลอ ลอยย์คนนี้ไม่มีฝีมือจริงๆ คงไม่ถูกเรียกว่าคู่ปรับของโจ๊กเกอร์

การร็อกเก็ต แดชครั้งที่สองอะไหล่ทั้งหมดที่ต่อเติมมาสูญเปล่าไปกับร่างปลอมซึ่งหายไปทันทียามต้องหัวจรวด

แต่การเหวี่ยงตีทันทีโดยไม่เว้นจังหวะ ก็สร้างบาดแผลที่หนึ่งให้กับอีกฝ่ายเช่นกัน ทั้งสองยกยิ้มใส่กันระหว่างไม้ที่ล้มลงมาคั้นกลาง

“แต่ฉันอยากเล่นนะ” นักมายากลหนุ่มหัวเราะตบท้าย

 

ยกที่สองเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

การเลี้ยวหลบขอบมุมในจังหวะที่พอดี กับการจ้วงตีที่แม่นยำทำให้การยื้อยุดดำเนินไปครู่ใหญ่ๆ

ดีอยู่หน่อยที่ลีโอเล่นคุมโซนในส่วนของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องถอดรหัสจึงยังไม่ถูกถอดเลยแม้แต่เครื่องเดียว

และเมื่อเซอร์เวียสล้มลง เอมิลี่ก็ถูกจับนั่งลงบนเก้าอี้ไปแล้ว ด้วยเวลาไล่เลี่ยกัน

“รอบนี้ฝีมือตกไปหน่อยนะ” ตัวตลกหนุ่มหัวเราะให้กับคนที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเอง ส่วนเขาก็แต่งจรวดให้เรียบร้อยเพื่อแดชทะยานออกไปอีกครั้ง

ที่เบาใจในตอนแรกเหมือนเรื่องตลกร้าย เมื่อจู่ๆเครื่องถอดรหัสก็พร้อมใจกันส่องสว่างวาบรัวๆ

ฟีโอน่าล้มลงก่อนที่จะไปถึงประตูวาบตรงราวสะพานข้ามแม่น้ำด้วยฝีมือตัวตลกหนุ่ม

แว่วเสียงอิไลน์ คลาร์กร้องเรียกเธอไกลๆยามนักบวชสาวถูกจับ แสงสีแดงพุ่งทะยานเข้าใส่เขาพร้อมความเจ็บร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วสีข้างด้วยฤทธิ์ของกระสุนแฟรย์กันที่เขาเกลียด โจ๊กเกอร์ร้องออกมาขณะทาบมือไปที่บาดแผล

“พยายามได้ดีนี่…” เขาพึมพำ

แต่ถึงจะตัดสินใจยิงในวินาทีนั้น ผู้หยั่งรู้หนุ่มก็หลงเหลือแต่เพียงความเสียดายเท่านั้นเมื่อมันสายเกินไป…

หญิงสาวผู้นับถือยอกโซทอช นั่งลงบนเก้าอี้ประหารไปเสียแล้ว

ลีโอเดินเข้ามาฟาดลงกลางหลังอิไลน์ผู้บาดเจ็บ เขาวิ่งแต่มันก็ไม่มีที่ไหนให้หนีอีกแล้ว ในเมื่อทั้งด้านหน้าด้านหลัง เขาก็ถูกล้อมกรอบด้วยฮันเตอร์

และชะตากรรมของผู้หยั่งรู้ ก็จำต้องหลั่งเลือดให้กับร็อกเก็ต แดชอันแม่นยำราวจับวาง

“ฟี…โอน่า…” ชายหนุ่มคืบคลานมานั่งเคียงข้างนักบวชสาว

“อิไลน์…” เธอร้องเรียก หัวใจสั่นไหวกับเสียงแหบแห้งนั้นอย่างช่วยไม่ได้

โจ๊กเกอร์ชะงักไปกับภาพนั้น อะไรบางอย่างซ้อนทับกับภาพความทรงจำของเขา

แต่ลีโอก็สลายมันไปอย่างรวดเร็ว เมื่อจินนี่ชุดน้ำเงินพาอิไลน์ไปนั่งยังเก้าอี้ประหารที่อีกฝั่งหนึ่งของสะพาน…

ฮันเตอร์หนุ่มสมญาสไมลีย์ เฟสส่ายหน้า แสร้งว่ากำลังเสียเวลาไปกับการใช้ตู้โทรศัพท์ สั่งซื้อน้ำยาเพิ่มความสามารถออกมา เปิดดื่มของเหลวสีใสกรอกลงลำคออย่างรวดเร็ว

ไม่สนใจทั้งรสชาติหวานแปลกๆติดปลายลิ้นและส่วนหนึ่งของมันที่กระเฉาะออกมาเปราะผ้าพันคอลายจุดของตน

ชายหนุ่มตั้งสติและจ้องมองเครื่องถอดรหัสที่เหลือสองเครื่องในขณะที่ผู้รอดชีวิตที่สามารถวิ่งต่อได้มีเพียงสามคน อันได้แก่ไนบ์ ซูบิด้า วีร่า แนร์และมาการิต้า เซเร่

โดยที่ทั้งเกมเขายังไม่ได้แม้แต่จะเห็นหน้าค่าตายัยหนูนักปั่นประจำทีมเลยแม้เพียงข้างหางตา

โจ๊กเกอร์ร็อกเก็ต แดชทะยานเข้าใส่แผ่นหลังของอดีตทหารรับจ้างหนุ่ม ที่ทะเล่อทะล่าวิ่งหน้าตั้งออกมาจากกระโจมเซอร์คัส

เหวี่ยงจรวดกวาดซ้ำไปอีกครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ดีดตัวหนี ส่งร่างผอมบางนั้นให้ลงไปนอนวัดพื้นอย่างสวยงาม

นับเป็นโชคช่วยที่ตำแหน่งที่ล้มทำให้ฮันเตอร์หนุ่มพาอีกฝ่ายลงไปนั่งเก้าอี้พิเศษที่ห้องใต้ดินได้ พอดิบพอดีกับที่ลีโอพาวีร่า แนร์ลงมานั่งข้างๆ ทั้งสองแท็กมือกันเล็กน้อยตอนสวนกัน

 

เหลือผู้รอดชีวิตอีกเพียงคนเดียวเท่านั้น…

 

มันเป็นเกมเร็วที่ค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับทั้งฝ่ายผู้รอดชีวิตและฝ่ายฮันเตอร์

ซึ่งอันที่จริงถ้าหากทีมมีความสามัคคีมากกว่านี้อีกสักหน่อย มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ฝั่งผู้ล่าจะกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

แต่ก็ว่าอะไรกันไม่ได้เท่าไร ในเมื่อคนที่รับหน้าที่คอยช่วยเหลือเพื่อนๆในทีมหลักๆ ไม่ลงสนามเลยในเกมนี้ ความไม่คุ้นชินของหน้าที่ที่ต้องทำอย่างกะทันหัน ยังคงไม่ใช่สิ่งที่จะปรับเปลี่ยนให้ชินได้รวดเร็วในเกมเดียว

ชายหนุ่มมองออกไปรอบๆ เสาถอดรหัสสั่นไหวเพียงแผ่วเบาในช่วงวินาทีสั้นๆ แต่เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าจุดหมายปลายทางของตัวเองอยู่ที่ไหน

เสียงร็อกเก็ต แดชก้องดังไปทั่วสวนสนุกที่ราวกับจะสร้างมาเพื่อเขา…ไม่สิ อาจสร้างมาเพื่อ ‘เรา’

โจ๊กเกอร์หยุดการพุ่งของตัวเองใกล้กับม้าหมุนที่วิ่งวนไปมาไม่รู้จบและก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า

ขาข้างที่ถูกแทนที่กายเนื้อด้วยของเทียมนั้นกะเผลกอย่างช่วยไม่ได้…

นักเต้นสาวหมอบหลบอยู่ข้างเครื่องถอดรหัส มุมที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสะพานข้ามแม่น้ำและประตูทางออก เธอกดใบหน้าลงกับเข่า ร่างกายเล็กๆและบอบบางของเธอสั่นไหวอย่างที่ดูออกได้อย่างง่ายดายว่ามันเป็นเพราะอะไร

ภายนอกมาการิต้าอาจจะเป็นผู้หญิงที่ดูเฉยชากับทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้วเธอเพียงเก็บซ่อนทุกความกังวลของเธอเอาไว้ภายใต้หน้ากากอันงดงาม

และในสถานการณ์แบบนี้ชายหนุ่มก็รู้ดี ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่รับรู้ข้อเท็จจริงที่ว่า เธอหวาดกลัวการต้องอยู่คนเดียวมากแค่ไหน

“มะ…มาการิต้า…” เสียงของเขาไม่เคยนุ่มนวลได้อย่างที่ใจนึกสักครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเขาเอ่ยเรียก

“โจ๊กเกอร์…” ใบหน้าสวยงามเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นมองเขาอย่างน่าสงสาร

“ไม่เป็นไรนะ…ผมมาแล้วล่ะ”

แม้มือสองข้างจะไร้ซึ่งความงดงามใดๆเฉกเช่นชายในฝันของเธอ เขาก็ยังโอบอุ้มเธอขึ้นมาอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล

มาการิต้าดูตัวเล็กเหลือเกินเมื่อขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา กลัวเหลือเกินว่าหากเขาขยับแขนแม้เพียงนิดเธอจะสลายหายไป

ที่ตรงหน้านั้นข้างๆเต้นท์ละครสัตว์ที่น่าคิดถึง ประตูทางออกลับเปิดออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตุ๊กตารูปร่างคล้ายหญิงสาวหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น และทันทีที่มันทำปฏิกิริยากับมาการิต้า

อีกหนึ่งฮันเตอร์หนุ่มก็วาบตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ง้างอาวุธขึ้นสูงเตรียมจะหวดฟาดโดยไม่ลังเล ก่อนจะได้แต่ชะงักไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

สองฮันเตอร์หนุ่มจ้องหน้ากันครู่ใหญ่ๆ แล้วก็เป็นลีโอ เบรคก์ที่ยอมลดอาวุธลงอย่างเชื่องช้า แว่วเสียงถอนหายใจยาวๆแล้วอีกฝ่ายก็เดินถอยออกไป

ปล่อยให้ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัวกันตามลำพัง

“ไปเถอะ…เธอปลอดภัยแล้วนะ” ตัวตลกหนุ่มยิ้มให้ แม้หญิงสาวจะไม่เห็นมันก็ตาม…

มาการิต้าถูกวางลงช้าๆขาเธอสั่นเล็กน้อย หญิงสาวมองลงไปยังความมืดมิดของทางออกลับตรงหน้า เตรียมจะกระโดดลงไป ในขณะที่โจ๊กเกอร์ได้แต่หมุนตัวกลับหลังหัน

มีแต่ความเงียบระหว่างเราและตัวตลกหนุ่มก็ได้แต่แสร้งแต่งหัวจรวดให้กับอาวุธของตนไปมา

เขาตั้งใจจะร็อกเก็ต แดชหนีไปจากตรงนี้อยู่แล้วจริงๆ หากหญิงสาวไม่ตัดสินใจหันกลับมาโอบกอดเขาเอาไว้

แขนผอมบางคู่นั้นระมัดระวังบาดแผลของเขายามโอบกอด ใบหน้าของเธอแนบที่แผ่นหลังของเขาแผ่วเบา พักพิงมันด้วยร่างกายสั่นเทาที่ค่อยๆสงบลง

มันอาจกินเวลายาวนานนับสิบหรือเพียงชั่วครู่ชั่วคราวจนราวภาพฝัน แต่เขารู้สึกถึงมันและได้ยินคำพูดทิ้งท้ายนั้นได้อย่างชัดเจน

“ขอบคุณนะ”

……………………………………

  

“กลับกันมาซะที พวกข้าจะได้ออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง” เสียงโหวกแหวกทุ่มต่ำด้วยภาษาจากดินแดนแถบตะวันออกนั้นจะเป็นของใครไปได้นอกจากฟ่านอู่จิ้ว หรือชื่อเรียกแบบสั้นๆให้สะดวกต่อฮันเตอร์คนอื่นๆอย่างปาเยี่ย

“ยินดีต้อนรับกลับมานะเจ้าคะ ท่านโจ๊กเกอร์ ท่ามลีโอ เหนื่อยกันหน่อยนะคะ เกมที่ผ่านมาเล่นกันได้งดงามมากเลยเจ้าค่ะ”

มิชิโกะนั่นเองที่โค้งให้เขาอย่างงดงามพร้อมกล่าวต้อนรับ

“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มตอบรับและผงกศีรษะน้อยๆอย่างอดจะเกรงใจไม่ได้

ชี่ปี่อานเดินมายืนเคียงข้างฟ่านอู่จิ้วทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแฝดคนน้องในชุดดำจะหลับตาและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่มสีดำที่แฝดผู้พี่ถืออยู่

เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า‘อู่ ฉาง’พร้อมแล้วสำหรับเกมที่กำลังจะเริ่ม

“ท่านโจ๊กเกอร์บาดเจ็บนี่เจ้าคะ” ฮันเตอร์สาวในชุดแต่งงานแบบสตรีในดินแดนอาทิตย์อุทัยตามที่เธอบอก อุทานออกมาเมื่อเห็นสีข้างยับเยินของเขา

หญิงสาวอยากจะรักษาบาดแผลให้เขาก่อนจะออกไปร่วมเกมครั้งต่อไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะปล่อยให้ชี่ปี่อานจะต้องรอ

ฮันเตอร์หนุ่มโบกไม้โบกมือยกยิ้มให้เธอจากเบื้องหลังหน้ากาก เอ่ยบอกให้เบาใจว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่และเขาสามารถจัดการมันเองได้ เกอิชาสาวผู้งดงามจึงโค้งให้ครั้งหนึ่งและไปเตรียมตัวในห้องแต่โดยดี

อันที่จริงเพราะครั้งหนึ่งตัวตลกหนุ่มเคยทำงานในคณะละครสัตว์ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา เขาจึงได้พบปะกับผู้คนจากหลากหลายประเทศ

ภาษาจีนกับภาษาญี่ปุ่นที่บ้างส่วนก็คล้ายๆกันเขาก็พอฟังออกอยู่บ้าง มันจึงไม่ใช่ปัญหามากนักสำหรับการสื่อสารกับสองฮันเตอร์จากดินแดนตะวันออกต่างจากคนอื่นๆ

แต่ก็ยังดีอยู่หน่อยที่มิชิโกะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะครั้งหนึ่งเมื่อยามที่เธอยังมีชีวิตที่มีความสุข สามีของเธอเป็นคนสอนเอาไว้ ดังนั้นหลายต่อหลายครั้งหญิงสาวจึงต้องคอยมาเป็นล่ามให้กับผู้ล่าคนอื่นๆ

ลีโอแยกตัวออกไปพักผ่อนก่อนหลังจากเดินล่ามาเป็นเวลานาน เจ้าตัวไม่บาดเจ็บมากมายอะไรนอกจากเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหมึกมากมาย

ชายหนุ่มบ่นงึมงำและเดินตามหาไวโอเล็ตต้าให้เธอช่วยซักเสื้อให้ไปทั่ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะแตะไหล่ตัวตลกหนุ่มพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจากไป

โจ๊กเกอร์ยกมือขึ้นโบกเล็กน้อย ก่อนย้ายร่างกายหนักอึ้งกลับขึ้นไปยังห้องพักของตน ตัวตลกหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง

มือใหญ่ที่กดบาดแผลไว้ขยับออกเผยให้เห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล มันไม่มีอะไร ‘โอเค’ อย่างที่เขาบอกมิชิโกะหรอก…

“เจ็บเป็นบ้า…” ชายหนุ่มหัวเราะขื่นๆในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นช่างเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เขาจ้องมองใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยหน้ากากตัวตลกผ่านภาพสะท้อนบนกระจกเงา ราวกับพยายามจะมองทะลุไปให้เห็นใบหน้าแท้จริงภายใน แสงจากเพียงเทียนบนเชิงเทียนข้างผนังบวกกับผ้าม่านที่ปิดทึบสลัวลางจนดูน่ากลัว

ชายหนุ่มครุ่นคิด…

หากเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนกับเซกิ หากเขามีร่างกายที่สมบูรณ์เหมือนกับคนอื่นๆ เธอจะวิ่งหนีไปเหมือนในตอนนั้นรึเปล่านะ?

ฮันเตอร์หนุ่มทิ้งกายลงนอนบนเตียงนุ่มปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า ความสับสนมากมายถาถมเข้ามาในใจ ทั้งๆที่ในตอนนั้นเธอเป็นฝ่ายจากไป ทั้งๆที่นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่

 

แล้วทำไมกันนะ…ตอนนี้เธอถึงกลับมา

 

ทำไมกันนะ…เธอถึงยังแสดงท่าทีใจดีแบบนั้น ราวกับทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจากในวันนั้น…

สติของเขาเริ่มเลือนรางเสียแล้ว ชายหนุ่มแตะลงบนบาดแผลที่สีข้างอีกครั้งอย่างเผลอไผล ความเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นชาวาบ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ถ้าไม่รีบห้ามเลือด…

แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะจัดการรักษามันให้ดีๆแล้ว

ไม่นานเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา จมอยู่กับภาพอดีตที่ทั้งงดงามและเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน…

 

 

.

.

.

.

.

.

 

ตอนนี้จะลงเป็นตัวอย่างเป็นตอนสุดท้ายนะคะ

สามารถพบกับตอนต่อและคู่อื่นๆได้ในเล่มเต็มๆได้เลยค่ะ

 

Menu_Don't shoot me!!.jpg

(แทรกใบเมนูให้ตรงนี้เลยนะคะ ^^ ถ้าซื้อทั้งสองเล่มในบูทจะแถม

มินิโปสเตอร์ให้ด้วยนะคะ หรือว่าจะแวะมาพูดมาเม้ามอยกันที่บูท

ก็ยินดีนะคะ แล้วพบกันในวันที่ 21นี้ค่ะ)

ใส่ความเห็น