ตัณหา ราคะ เซ็กส์…
โลกใบนี้ต่างตกอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งเหล่านี้ เพียงกลิ่นยวนใจจากสิ่งมีชีวิตแสนตํ่าต้อยที่ถูกเรียกว่า ‘โอเมก้า’ โชกมาแตะจมูก ก็จุดไฟราคะร้อนแรงได้อย่างไม่ยากเย็น
คงจะกระทันหันไปเสียหน่อย แต่ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ โลกใบนี้ต่างถูกกำหนดชนชั้นทางสังคมด้วยชาติกำเนิด ดูเป็นเรื่องไม่แฟร์เสียเท่าไรที่เด็กคนหนึ่งจะถูกตราหน้าว่าต้อยตํ่ากว่าอีกคนตั้งแต่เปล่งเสียงร้องเป็นครั้งแรก แต่โลกก็เป็นเช่นนั้นแล้ว
เด็กที่ถือกำเนิดขึ้นมาโดยถือครองฟีโรโมนของผู้นำ มีร่างกายแข็งแกร่งและสติปัญญาเป็นเลิศ เด็กคนนั่นก็คือ ‘อัลฟ่า’
ผู้ปกครองสรรพสิ่งแต่กำเนิด และจะได้รับอนาคตที่แสนสุขสบายแน่นอน
ในขณะที่เด็กที่เกิดมาอย่างธรรมดาสามัญคือ ‘เบต้า’ ถ้าเทียบเป็นชนชั้นเห็นที่จะไม่พ้นชนชั้นกลาง ไม่ดีไม่แย่ แต่ก็เรียบง่ายและสงบสุข
กลับกันชนชั้นที่ตกเป็นรอง และมีแสนน้อยนิดจนถูกกดขี่ได้แสนง่ายดาย คือ ‘โอเมก้า’ ทาสทั้งทางสังคมและทาสทางอารมณ์แต่กำเนิด ด้วยสภาพร่างกายที่ปล่อยฟีโรโมนยั่วยวน ชวนก่ออาชญากรรม และอาการ ‘ฮีท’ ในฤดูผสมพันธ์ุที่ทำให้อัลฟ่าพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต และอีกมากมาย
นั่นทำให้โอเมก้าผู้น่าสงสารเป็นเหมือนของเล่นของอัลฟ่า การงานเองก็หายาก มีโอเมก้าไม่มากนักที่จะมีโอกาสได้งานดีๆ และส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นต้องจบลงในซ่อง…
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวของ ‘ฉัน’
“มาดามครับ พักสักหน่อยไหมครับ คุณทำงานมานานมากแล้วนะครับ”
เสียงทักท่วงของมือขวาหนุ่มคนสนิท เรียกให้หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมทว่ากลับประดับด้วยรอยแผลเป็นยาวที่พาดผ่านกลางใบหน้า ตั้งแต่โหนกแก้มซ้ายผ่านจมูกโด่งรั้น จนจรดโหนกแก้มขวา ละจากกองเอกสาร นัยน์ตากลมเรียวสีอำพันที่เมื่อรวมกับหัวคิ้วที่กดลงดูดุคู่นั้นสบกับดวงตาเรียบเฉยของ ‘ดัซ บอเนต’ ขัดใจ
“ผมทราบครับว่างานคุณเยอะ แต่พรุ่งนี้คุณจะเข้าช่วง ‘ฮีท’ แล้ว ผมมั่นใจว่าคุณจะตกเครื่องถ้ายังไม่เลิกทำงานนะครับ” มือขวาหนุ่มดักคอเรียวปากอิ่มสีแดงที่ทำท่าจะขัดเขา
มาดามคนสวยที่ความสวยไม่ลดลงไปตามอายุที่ล่วงเลยมาถึงเลขสี่ และรอยแผลเป็นขนาดใหญ่นั้นกลับคลับให้ดวงหน้าสวยดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ลึกลับน่าค้นหาเข้าไปอีก มุ่ยปากขัดใจแต่ก็ไม่รั้นจะ จับปากกาหมึกซึมขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สามหลังจากถูกขัดมาแล้วสองครั้ง ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้จุดซิการ์ขึ้นสูบปล่อยให้ดัซหยิบโอเวอร์โค้ทตัวเก่งมาสวมทับชุดสูทสตรีสีดำ ก่อนเดินออกจากห้องทำงานไป
“โชคดีนะครับมาดาม’คร็อกโคไดล์'” ดัซกล่าวปิดท้ายเหมือนทุกครั้ง
“รู้น่า ขอบใจ”
มาดามคนสวยกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วออกเดินไปด้วยท่วงท่าราวกับราชินี แบบที่ดัซคิดว่าถ้าตนเองเป็นอัลฟ่าที่รับรู้ถึงกลิ่มของโอเมก้าได้ ก็คงอยากกระโจนเข้าใส่สาวสวยทรวดทรงองค์เอวน่าสัมผัส เซ็กซี่ไปเสียทุกอิริยาบถแม้จะสวมเสื้อสูทแบบกางเกงเรียบร้อย ชายร้อยทั้งร้อยก็ยังต้องมองตามคนนั้นเป็นแน่
ใช่แล้ว คร็อกโคไดล์เป็นโอเมก้า แต่ก็เป็นโอเมก้าจำนวนน้อยนิดที่ได้นั่งตำแหน่งสูง เธอคนนั้นไต่เต้าจากจุดตํ่าสุดของชีวิตสู่ตำแหน่งผู้บริหารบริษัทบาล็อกเวิร์กด้วยเวลาเพียงไม่กี่ปี
ทำงานอย่างหนักเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ เธอจึงกลายเป็นความหวังและผู้มีพระคุณของเหล่าโอเมก้าและเบต้า
‘จะเบต้าหรือโอเมก้า ทุกคนก็เป็นมนุษย์ แล้วจะเอาอะไรมาตัดสินว่าพวกเราจะต้องเป็นฝ่ายอ้าขาให้พวกนายไม่ทราบ?’
ดัซยังจำประโยคนั้นของมาดามคนสวยได้ขึ้นใจ ตัวเธอในตอนนั้นยังไม่ยิ่งใหญ่เหมือนตอนนี้และเป็นเพียงโอเมก้าตัวเล็กๆที่หัวขบฏต่อสังคม แต่ก็ยังโพล่งคำพูดแบบนั้นออกไปกลางวงอัลฟ่าเกือบสิบคนในผับ
ราวกับเสียงทุกอย่างจะดับวูบไปกลายเป็นความเงียบสงัด ดัซไม่สามารถละสายตาไปจากเด็กสาววัยแรกแย้มในชุดยั่วยวนแบบที่โอเมก้าสาวเสิร์ฟในร้านสวมกันได้ เธอคนนั้นมีใบหน้าสะสวยแม้จะประดับด้วยรอยแผลเป็นยาว แต่ก็ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
ตามจริงเขาเพียงมานั่งดื่มหลังเลิกงานเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้มาดูโชว์น่าสนุกแบบนี้ อัลฟ่าที่ถูกหาเรื่องยืนขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนสูงของเขายิ่งทำให้เธอดูตัวเล็กลงไปอีก
จากเหตุการณ์แล้ว ดัซเดาว่าอัลฟ่าพวกนั้นคงจะชวนเด็กสาวโอเมก้าที่เอาแต่ยืนตัวสั่นอยู่หลังเพื่อนเธอไปต่อ แต่อีกฝ่ายไม่เอาด้วยแล้วโอเมก้าตาดุที่ออกมาช่วยเพื่อนก็เถียงกันจนมาจบอย่างที่เห็น
บาร์แห่งนี้มีแต่อัลฟ่ามาเที่ยวกลางคืนทั้งนั้น อีกส่วนก็เป็นเบต้าที่ไม่อยากมีเรื่องอะไรกับใคร แทบไม่ต้องเดาดัซก็รู้ได้เลยว่าโอเมก้าสาวจะพบจุดจบที่โหดร้ายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่งเพื่อเจ็บตัวเปล่าๆ…เว้นเสียแต่ว่าโอเมก้าคนนั้นจะทำอะไรที่น่าสนใจกว่านี้
‘เป็นแค่โอเมก้าก็รู้จักที่ตํ่าที่สูงซะบ้าง อย่าสะเออะมาเหิมเกริมกับพวกฉัน! ถ้าฉันบอกให้ไปพวกเธอก็ต้องไป โอเมก้า!!’ อัลฟ่าสันดานแย่กระชากแขนเด็กสาวคนนั้นจนตัวลอย ขู่พร้อมกับปล่อยกลิ่น กดดันออกมาข่ม จนโอเมก้าสาวคนอื่นๆทรุดลงกับพื้นตัวสั่นหวาดกลัวไปหมด
มองจากตรงนี้ดัซเองก็ยังรู้ว่าร่างของโอเมก้าปากดีคนนั้นเองก็สั่นเหมือนกัน แต่ดวงตาคู่คมกลับไม่ปรากฏแววหวาดกลัวแต่อย่างใด
‘เฮ้ จะบอกอะไรให้นะ’ เด็กสาวกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ปล่อยกลิ่นโอเมก้าหอมหวานยั่วยวนออกมาบ้างชวนให้เหล่าอัลฟ่าคอแห้งผาก กระทั่งเขาที่เป็นเบต้าก็ยังอดจะเคลิ้มตามไปวูบหนึ่ง อย่างช่วยไม่ได้
‘ฉันจะไม่ไปกับอัลฟ่ากระจอกอย่างแกหรอก!!’
สิ้นคำหมัดหนักๆก็เสยเข้าปลายคางอัลฟ่าที่มาหาเรื่องโอเมก้าผิดคนแบบหมัดเดียวจอด เรียกให้อัลฟ่าคนอื่นๆที่ถูกหยามร้อนต้องลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่โอเมก้าสาวกลิ่นหอมหวานเหมือนหมาป่าเข้าฤดู
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอัลฟ่าหนุ่มร่างสูงใหญ่เกือบสิบคนนั้นต้องมานอนสยบแทบรองเท้าส้นสูงราคาแพงสีสดของโอเมก้าสาวในเวลาต่อมา
เรียวขายาวตวัดเขี่ยอัลฟ่าด้วยสีหน้าที่เหยียดหยามอย่างถึงที่สุด
‘ยังมีใครมีปัญหาอีกรึเปล่า?’ เด็กสาวปล่อยกลิ่นโอเมก้ารุนแรงกว่าเดิมอีกครั้ง
ทรมานและขู่อัลฟ่าทั้งร้านให้กลืนนํ้าลายลงคอกันอย่างยากลำบาก เหงื่อกาฬไหลท่วมทั่วร่างไปหมด จำต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณของตัวเองสุดฤทธิ์ เพื่อไม่ให้พุ่งเข้าใส่เหยื่อแสนโอชะเบื้องหน้า
แต่ก่อนที่ใครจะทั้งตั้งตัว และมีเพียงดัซเท่านั้นที่มองเห็นว่าหัวโจกอัลฟ่าที่น่าจะน็อกไปแล้ว ลุกขึ้นมาพุ่งเข้าใส่เด็กสาวจากเบื้องหลัง
ดัซไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรออกไปรึเปล่า แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองได้สบตากับเจ้าของดวงตาสีอำพันสวยคู่นั้น ก่อนที่โอเมก้าสาวจะก้มกายลงตวัดขาเตะให้อัลฟ่าตัวสูงล้มลง ล็อกคออีกฝ่ายเอาไว้จาก เบื้องหลังยามที่อัลฟ่าหนุ่มคิดจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
‘อย่าบังคับให้ฉันต้องทำเรื่องที่แย่ที่สุดเลยน่า ถ้ายอมแพ้แค่ตรงนี้ก็แค่อาย แต่ถ้ารั้นจะสู้ต่อก็รู้ใช่ไหมว่านายจะไม่ได้เสียแค่หน้า’
ชั่วชีวิตอัลฟ่าไม่อยากเชื่อเลยว่าต้องยอมสงบแทบเท้าโอเมก้าแบบนี้…
แต่เขาก็จำต้องยอม…
นั่นคือความประทับใจครั้งแรกก่อนที่เขาจะได้ประทับใจอีกครั้งกับความยิ่งใหญ่ในเวลาเพียงปีครึ่งต่อมาของเจ้าตัว เขาได้ข่าวเกี่ยวกับโอเมก้าผู้ก่อตั้งบาล็อกเวิร์กและตัดสินใจลาออกทันทีเพื่อมา สมัครงานที่นี่
มิสคนสวยในตอนนั้นดูน่าเกรงขามและเป็นผู้ใหญ่กว่าครั้งก่อนที่เจอกันมาก แม้มันจะผ่านไปเพียงไม่นาน และนี่เป็นครั้งแรกด้วยซํ้าในประวัติศาสตร์แทบทั้งสหศวรรษ ที่โอเมก้าจะปฏิวัติโลกเช่นนี้
‘ดัซ บอเนตสินะ’ เสียงกังวานหวานทรงพลังเอ่ยชื่อของเขา เธอยิ้มบางๆส่งมาให้ ‘ทำงานเป็นผู้ช่วยฉันเหนื่อยนะเตรียมใจได้เลย’
น่าแปลกจนอดถามออกไปไม่ได้ว่าเธอจะรับเขาเข้าทำงานโดยไม่สัมภาษณ์สักคำงั้นหรือ
‘สัมภาษณ์? น่าเบื่อน่า ฉันจำนายได้นะพ่อเบต้าหน้าปลาตายที่ตะโกนเตือนฉันวันนั้น แค่นี้คงพอเป็นเหตุผลได้นะ ดัซ’ มือเรียวยื่นออกมาอย่างมาดมั่น
หนุ่มหน้าปลาตายตัดสินใจได้ในทันที วินาทีต่อจากนี้เขาจะรับใช้คนคนนี้ด้วยชีวิต
“นิโคลหรอ?” มาดามคนสวยหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดกระทัดรัดออกมากดรับสาย
คนที่โทรมาคือเลขาฯสาว ‘นิโคล โรบิน’ ของเธอนั่นเอง เธอเป็นอัลฟ่าเพียงคนเดียวที่มาดามสาวจ้างภายในบาล็อกเวิร์ก
“ดีเลย์หรอ? ฉันนั่งฮอล์ส่วนตัวนะ” เสียงหวานกังวานในลิฟต์หรู เมื่อเจ้าของเสียงนั้นเดินเข้าไปภายในแล้ว
กล่องเหล็กเคลื่อนตัวลงช้าๆ ปล่อยให้คนที่เริ่มจะหัวเสียหน่อยๆคุยโทรศัพท์ไปเพียงลำพัง
“ก็ได้…งั้นฉันจะไปช็อปปิ้ง ถ้าอากาศดีกว่านี้แล้วก็ติดต่อมา”
ปลายสายตอบกลับนอบน้อม และตัดสายไปเมื่อหมดธุระแล้ว
มาดามคนสวยถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเล็กน้อยเริ่มรับรู้ได้ว่าอีกไม่นานอาการฮีทจะต้องเกิดขึ้น มือเรียวล้วงหยิบแคปซูลเม็ดเล็กออกมากลืนลงคอ
ยาแก้ฮีท…เป็นยาอันตรายที่รุนแรง แต่ถ้ากินไม่บ่อยและดูแลตัวเองดีๆ ก็เหมือนยาแก้ปวดที่กินเวลาป่วยเท่านั้น
อีกไม่นานเธอจะเข้าสู่ฤดูอันตรายของโอเมก้า และก็เป็นช่วงหยุดพักร้อนของพนักงานและเจ้าของบริษัท ทุกคนที่เป็นโอเมก้าจะหนีจากเมืองใหญ่ไปอยู่ในที่ๆเงียบสงบ กับคนรักหรือไม่ก็อาจเก็บตัวอยู่คนเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกอัลฟ่าหน้าไม่อายมาทำเรื่องหยาบช้าใส่
ในกรณีมาดามคร็อกโคไดล์จะเป็นอย่างหลัง แม้เธอจะเป็นโอเมก้าธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่ด้วยกลิ่นฟีโรโมนที่รุนแรงกว่าโอเมก้าอื่น รวมถึงรูปลักษณ์ต้องใจก็ล้วนเป็นอันตรายทั้งนั้น นี่ยังไม่นับรวมถึงวีรกรรมที่เธอก่อเอาไว้กับอัลฟ่ามากมายอีก
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดถ้าเธอจะถูกหมายหัว ในช่วงที่อันตรายที่สุดแบบนี้ แถมในช่วงนี้ต่อให้เก่งกาจมากแค่ไหน คร็อกโคไดล์ก็รู้ตัวเองดีว่าเธอไม่สามารถต่อต้านสัญชาตญาณรุนแรงในกายได้
ถึงจะไม่อยากยอมรับทว่ามันก็เป็นความจริง ข้อจำกัดของการเป็นโอเมก้ามีอยู่มาก แต่สักวันเธอจะทำลายมันทิ้งไป และในตอนที่วันนั้นยังมาไม่ถึงเธอเองก็ยังคงต้องยอมรับมัน…ยอมรับว่าตัวเธอ ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติของโอเมก้าและอัลฟ่าทุกคนได้
คิดๆแล้วก็อดท้อใจกับธรรมชาติที่ไม่ยุติธรรมเลยไปเสียไม่ได้ แต่อย่างน้อยบาล็อกเวิร์กก็เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้สูญเปล่า โอเมก้าและเบต้าที่ไม่มีที่ไปและไม่อยากถูกกดขี่สามารถมีความสุขและปลอดภัยได้ภายใต้อำนาจที่เธอถือครอง
คร็อกโคไดล์เกลียดอัลฟ่าแต่ไม่ใช่ทุกคน แม้อัลฟ่าจะมีพื้นฐานนิสัยที่เธอเกลียดแทบทุกคน แต่บางคนก็เป็นอัลฟ่าที่ดี เธอจะไม่ตัดสินคนจากเพียงชาติกำเนิดอย่างที่อัลฟ่า(ก็ส่วนใหญ่)ชอบทำ เพราะงั้นเบื้องหลังบาล็อกเวิร์กเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากอัลฟ่าที่ดีบางคน อย่างเช่น ‘เอ็ดเวิร์ด นิวเกด’ หรือชื่อที่ทุกคนต้องคุ้นหูอย่าง ‘หนวดขาว’
แม้เขาจะเป็นคนฝากรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของเธอ แต่เขาก็เป็นอัลฟ่าที่เลี้ยงดูและสั่งสอนเธอมา อาจจะเรียกว่าเขาเหมือน ‘บิดา’ ของเธอก็ไม่ผิดนัก
เขาทำให้เธอมีวันนี้ และยังคงปกป้องเธออยู่เสมอ เธอเคารพและนับถือในตัวเขา…แต่ก็มั่นใจว่าตัวเองจะไม่มีวันพูดให้อีกฝ่ายได้ยินแน่ๆ
กลับมาที่บาล็อกเวิร์ก ที่นี่เป็นบริษัทที่ผลิตและส่งออกสินค้าเพื่อโอเมก้าและเบต้า ทั้งของเล่นแบบผู้ใหญ่ และบรรดายาต่างๆทั้งยาลดอาการฮีท รวมถึงยาคุม และอุปกรณ์ป้องกันตัวจากอัลฟ่า
นอกจากนั้นแล้วงานหลักๆของบาล็อกเวิร์กจริงๆก็เกิดมาจาก คร็อกโคไดล์ที่หยิบยกสิ่งๆหนึ่งมาใช้…สิ่งๆหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้อย่างชาญฉลาด สิ่งๆนั้นคือ ‘โซลเมท’ และรอยกัดบนต้นคอที่ไม่มี วันลบเลือน
เธอรู้ว่าต่อให้ปกป้องหรือป้องกันเท่าไร อัลฟ่าที่มีมากกว่าก็ย่อมต้องหาทางรังแกโอเมก้าให้ได้สักทางอยู่ดี ดังนั้นเธอจึงเปิดบริษัทคล้ายกับบริษัทจัดหาคู่ให้กับโอเมก้า เปิดโอกาสให้โอเมก้าได้เจอกับโซลเมทของตัวเองง่ายขึ้น
และเมื่อคู่โซลเมทได้เจอกันแล้ว เรื่องราวต่อจากนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่มย่ามอีกต่อไปและยังสามารถมั่นใจได้เลยด้วยว่า โอเมก้าคนนั้นจะได้รับการปกป้องจากอัลฟ่าแน่นอน
แฮปปี้ วิน-วินทั้งอัลฟ่าและโอเมก้า หรืออย่างน้อยถึงจะไม่ใช่โซลเมทกัน พวกเขาก็อาจจะได้เจอคนที่ใช่ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเธอทั้งสิ้น
มัวคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยเพลินไปหน่อย รู้สึกตัวอีกทีก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว มาดามคนสวยดับซิการ์ที่หมดไปกว่าครึ่งมวนทิ้งแล้วก้าวลงจากรถ เดินช้อปปิ้งฆ่าเวลาไปกับแผนกเสื้อผ้าและรองเท้าเสียส่วนใหญ่กับเครื่องสำอางอีกเล็กน้อย โดยไม่สนใจเหล่าอัลฟ่าหน้าม่อที่จ้องเธอตาเป็นมันตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้ามาเหยียบในห้าง
“นั่นใช่มาดามคนสวยของบาล็อกเวิร์กรึเปล่า?” เสียงทุ้มทักจากเบื้องหลัง
จู่ๆมาดามขนสวยก็ขนลุกซู่ไปกับเสียงเรียกนั้น สัญชาตญาณในกายทำให้เธอรู้สึกไม่อยากหันกลับไปมองต้นเสียงเท่าใดนัก แต่เธอก็หันกลับไป…
แผ่นอกกว้างผิวแทนที่โผล่พ้นคอเสื้อที่ปลดกระดุมลงหลายเม็ดคือสิ่งแรกที่ปะทะเข้ากับสายตา พอไล่มองขึ้นไปจึงได้เห็นใบหน้าคมคายที่ประดับรอยยิ้มกว้าง กับแว่นตากันแดดสีเจ็บทรงประหลาด และเรือนผมสั้นสีทอง เมื่อบวกกับเสื้อคลุมขนเฟอร์สีชมพูแล้ว คร็อกโคไดล์ก็เอ่ยได้แต่เพียง ใครมันสอนแฟชั่นการแต่งตัวแบบนี้?
กลิ่นที่ลอยมาเตะจมูกบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายคืออัลฟ่า
…แน่ละ ตัวสูงใหญ่ขนาดนี้
“จะจีบฉันหรอ? ไปคิดมุกใหม่ดีกว่ามั้ง แล้วก็ไปเรียนแต่งตัวมาใหม่ก็จะดีมากเลย อัลฟ่า” มาดามคนสวยตอกกลับหน้าตาย
หนึ่งในนิสัยพื้นฐานของอัลฟ่าที่มาดามคร็อกโคไดล์เกลียดที่สุด…อัลฟ่าหน้าม่อ
“อย่าตัดรอนนํ้าใจกันอย่างนั้นสิ ฉันแค่อยากทำความรู้จักกับมาดามคนดังเท่านั้นเอง เธอดังในหมู่อัลฟ่ามากเลยนะว่าเป็นโอเมก้าที่สวยสง่าแค่ไหน” คนขี้ตื้อไม่แม้แต่จะสนใจถ้อยคำเฉือดเฉือนของ โอเมก้าคนสวย
“หรอ? เดาว่าในหมู่อัลฟ่าคงพนันกันว่าใครจะจัดการฉันได้ก่อนมากกว่ามั้ง” ความตรงไปตรงมาของหญิงสาวยิ่งทำให้อัลฟ่าหน้าด้านหน้าทนถูกใจ
เธอย้ายเรือนร่างสะโอดสะองเดินไปเลือกลิปสติกที่อีกมุม อย่างไม่ใคร่จะใส่ใจคนตัวสูงใหญ่ที่ยังเกาะแกะไม่เลิก
“ฟุๆ ยิ่งกว่าที่ได้ยินมาอีกนะเนี่ย ทั้งหน้าตาทั้งรูปร่างแล้วก็คำพูดคำจา”
มือหยาบใหญ่วาดลงมาโอบเอวบางอย่างถือวิสาสะ ดวงตากลมเรียวเชิดขึ้นจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะต้องชะงักเข้ากับนัยน์ตาเรียวสีอความารีนสดสวยเบื้องหนังเลนส์แว่นกันแดดสีสดที่ถูกดันขึ้นไปเหนือศีรษะ
“แถมกลิ่นก็ยัง…ยั่วมากด้วย” อัลฟ่าหน้าด้านก้มลงสูดกลิ่นกายหอมหวนที่ซอกคอขาวอย่างไม่ปิดบัง เหลือบมองขู่ไปยังอัลฟ่าที่มามุงหญิงสาวจากด้านนอกร้านพักใหญ่แล้วเอาเรื่อง
คร็อกโคไดล์ถึงกับไปไม่เป็นกับท่าทีแบบใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน กลิ่นแข็งแกร่งของอัลฟ่าแปลก หน้ากำลังทำให้เธอหวั่นไหว ยิ่งเข้าใกล้ช่วงฮีทแบบนี้ สัญชาตญาณโอเมก้ายิ่งทำให้เธอเผลอไผลอย่างง่ายดาย
แค่คร็อกโคไดล์ก็ยังเป็นคร็อกโคไดล์ ชะงักไปเพียงครู่เรียวขายาวก็ตวัดชันขึ้นเล็งกลางเป้าหมาย อย่างแม่นยำด้วยแรงที่ไม่มีการออมไว้ ส่งร่างสูงใหญ่เหยียบสามเมตรของอัลฟ่าผิวแทนให้ลงไปนั่งกุมกล่องดวงใจตัวเองหน้าซีดกับพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีก” นํ้าเสียงเดียจฉันดังเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่มาดามคนสวยจะหยิบข้าวของไปจ่ายเงิน แล้วเดินออกจากร้านไปในทันที
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสะท้อนก้องไปทั่วโรงจอดรถ คร็อกโคไดล์ควานหามันมาพักใหญ่แล้วหลังจากเดินหนีอัลฟ่าหน้าด้านมาได้ น่าเสียดายหน้าตาดีๆของคนที่ทำตัวน่าขนลุกแบบนั้น
มือเรียวแตะไปเจอวัตถุทรงเหลี่ยมที่ก้นกระเป๋าถือในที่สุด ก่อนจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายในทันทีเมื่อจู่ๆอาการครั่นเนื้อครั่นตัวก็ถาโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง
หญิงสาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เธอซวนเซเล็กน้อยเหงื่อกาฬมากมายไหลท่วมกาย ใบหน้าและร่างกายเห่อร้อน ในหัวขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก อารมณ์วาบหวามอันตรายปะทุขึ้นฉูบฉีดเร่งกลิ่นหอมหวนน่าขยำให้รุนแรงยิ่งกว่าเก่า เดาได้เลยว่าอีกไม่นานอัลฟ่าเป็นโขยงต้องแห่มาที่นี่และถ้าถึงตอนนั้น…มันจะต้องแย่มากแน่ๆ
คร็อกโคไดล์พิงกำแพงเป็นหลักคํ้าพยายามเดินไปข้างหน้า แม้จะเซไปมาแต่ก็เลือกที่จะไม่หยุดเฉย ถึงมันจะทำให้กลิ่นยิ่งฟุ้งกระจายแต่ก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้วที่จะอยู่กับที่ เธอหอบแรงขึ้นเรื่อยๆ และทรมานจนแทบจะยืนไม่อยู่อีกแล้ว
มือเรียวควานหายาจากกระเป๋าเสื้อแต่ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายาที่กินไปก่อนหน้านี้เป็นเม็ดสุดท้ายแล้ว
ปกติมันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนแต่คร็อกโคไดล์ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องนั้นตอนนี้ เธอเพียงแต่เดาว่ามันอาจเป็นเพราะอัลฟ่าหน้าด้านที่เข้าประชิดตัวเธอ กลิ่นของเขาคงมีผลกับร่างกายของเธอ
เดินหนีลงมาได้สองชั้นก็ไม่มีทางให้ไปต่ออีกแล้ว และมาดามคนสวยเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน ร่างสะโอดสะองทรุดลงกับพื้น แต่กลับได้มือคู่หนึ่งฉุดรั้งเอาไว้
กลิ่นอัลฟ่ารุนแรงทำให้คร็อกโคไดล์ทรมาน แต่เธอก็กัดฟันและขืนตัวหนีอย่างอ่อนแรง
“ให้ฉันช่วยเถอะนะ” เสียงที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่นานนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวดีดดิ้นหนี
ใครก็ได้!! แต่ต้องไม่ใช่หมอนี่!!
แต่ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว…
มือหยาบใหญ่ช้อนร่างปวกเปียกของมาดามคนสวยขึ้นมาในอ้อมแขน โอเมก้าสาวยังไม่สิ้นฤทธิ์แม้จะเข้าสู่อาการฮีทแต็มขั้นแล้ว เธอดีดดิ้นและขืนตัวหนีเท่าที่จะมีแรงทำได้บนอ้อมแขนเขา
“ปล่อยฉันนะอัลฟ่า…ฉันไม่ต้องการนาย” เสียงหวานระโหยโรยแรง
นัยน์ตาอวดดีฉํ่าไปด้วยหยาดนํ้าตาสีใส เงยขึ้นสบตาเขาที่ยังไม่ลดแว่นกันแดดลงมาสวมที่เดิม มือเรียวสวยที่ข้างซ้ายสวมถุงมือหนังเอาไว้กระชากรั้งคอเสื้อกว้างของเขาเอาไว้เหมือนกลัวจะตก ทั้งใบหน้าดื้อรั้นงดงามที่ไม่อาจปิดบังความทรมานแสนหวานเอาไว้ได้มิดทั้งเรือนผมสั้นที่เคยหวีเสยไปเรียบร้อยด้านหนัง ซึ่งปรกลงมาปิดใบหน้าเพิ่มความเซ็กซี่เย้ายวน ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณอัลฟ่าของเขา
“ฉันชื่อ ‘โดฟลามิงโก้’ ไม่ใช่อัลฟ่า” ‘ดอนฆีโฮเต้ โดฟลามิงโก้’ พึมพำเสียงพร่าตอบกลับโอเมก้าสาวที่ยังไม่ยอมแพ้ในอ้อมแขนเขา
จากตอนแรกที่คิดเพียงจะเข้ามาทำความรู้จักกับโอเมก้าคนดังสักหน่อยตามที่พูดจริงๆ กลายเป็นว่ากลิ่นของเธอทำให้เขาติดใจจนไปต่อไม่ถูก รู้สึกตัวอีกทีก็เผลอโอบเรือนร่างน่าปรารถนานั้นเข้ามาใกล้ เสียแล้ว
ไม่แปลกใจที่ตัวเองจะถูกเตะ…
ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นโซลเมทกัน แต่โดฟลามิงโก้ก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถละสายตาไป จากอีกฝ่ายได้สุดท้ายก็ตัดสินใจแอบตามออกมา จนมาเจอโอเมก้าสาวที่ฮีทขึ้นกระทันหัน
โชคดีจริงๆที่เขาแอบตามออกมาก่อน…
“ดอน…ดอนฆีโฮเต้…?” เสียงหวานพร่ายิ่งกว่าเดิมพึมพำเมื่อนึกนามสกุลของเขา และด้วยนํ้าเสียงแบบนั้นยิ่งทำให้โดฟลามิงโก้กระสับกระส่าย “ตระกูลขุนนาง…ไม่เอานะ ปล่อยฉันอัลฟ่า”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ คุณนี่ใจร้ายจังเลยนะ ให้ฉันช่วยเถอะถ้าปล่อยคุณไว้คนเดียวจริงๆ อัลฟ่าที่แอบอยู่แถวนี้ก็คงออกมารุมทึ้งคุณแน่” โดฟลามิงโก้พูดอย่างสัตย์จริง
เขาไม่อยากแผ่รังศีกดดันออกมามากนักเพื่อข่มให้อัลฟ่าตัวอื่นๆที่ตามกลิ่นหอมหวานของคนในอ้อมแขนของเขามา เพราะมันยิ่งส่งผลกระทบกับโอเมก้าสาว แต่เขาก็จำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง…
ดูเหมือนสาวสวยผู้เก่งกาจของเขาเองก็จะรับรู้เหตุผลข้อนั้นด้วย เพราะเธอปิดปากเงียบแล้วเกาะ เสื้อของเขาเอาไว้เป็นหลัก ซุกใบหน้าลงกับอกของเขาเหมือนลูกแมว
ผิวเนื้อที่ต้องกันโดยตรงยิ่งทำให้อัลฟ่าสูงศักดิ์อยากลงไปดิ้นกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด
แล้วในที่สุดเขาก็เดินมาถึงรถเสียที ชายหนุ่มเปิดประตูหลังวางร่างโอเมก้าสาวลงบนเบาะสีแดงเบามือ ผิวขาวพราวเม็ดเหงื่อที่เผยให้เห็นเพราะเจ้าของกระชากผ้าพันคอเนื้อดีราคาแพงออกและปลดกระดุกคอลงมาอย่างอึดอัด ยิ่งขาวเด่นเมื่อโอบล้อมด้วยเสื้อสีดำและเบาะสีแดง
โดฟลามิงโก้มองภาพตรงหน้าพร้อมลอบกลืนนํ้าลายลงคออย่างยากลำบาก สัญชาตญาณของเขากำลังสั่งให้ร่างกายดำเนินไป แต่ใจของเขายังคงลังเลและขืนมันเอาไว้
“อะ…อัลฟ่า…” เสียงหวานเอ่ยเรียกแผ่วเบา ชายหนุ่มจำต้องก้มตัวลงไปฟังเรียวปากบางที่ขยับพูดนั้นอย่างเสียไม่ได้ “พะ…พาฉันไปจากที่นี่…”
โดฟลามิงโก้พยักหน้ารับ เขาเองก็คิดจะทำอย่างเดียวกันกับที่เธอร้องขออยู่แล้ว
อัลฟ่าหนุ่มปิดประตูหลังแล้วกลับไปประจำตำแหน่งคนขับ สตาร์ทเครื่องออกตัววิ่งจากห้างสรรพสินค้าที่อวลไปด้วยกลิ่นอัลฟ่าอย่างรวดเร็ว
กลิ่นของโอเมก้าสาวแรงขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหญิงสาวผมดำจะต้องทรมานมากขึ้นทุกๆวินาทีกับไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น แต่ไม่ใช่แค่คร็อกโคไดล์หรอกที่ทรมาน…
“เราจะไป…ไหน…?” โอเมก้าสาวยันกายขึ้นมาเกาะที่เบาะคนขับ เอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงเรื่อ
โดฟลามิงโก้ลังเลที่จะตอบเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของคนสวยผ่านกระจกมองหลัง แต่ก็เอ่ยออกไปในที่สุด
“บ้านฉัน”
…………………………………………
“เวอร์โก้! อย่าให้อัลฟ่าคนไหนเข้าใกล้ห้องฉันวันนี้”
“ครับนายน้อย”
ดอนฆีโฮเต้แฟมิลี่คือตระกูลขุนนางเก่า ที่ปัจจุบันรํ่ารวยติดอันดับต้นๆของโลก ด้วยธุรกิจมากมายที่ถือครองแบรนด์ประจำตระกูลนี้ เพราะงั้นคฤหาสน์ดอนฆีโฮเต้จึงใหญ่โตมากและคนรับใช้ทั้งชายหญิง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่าชั้นสูงกันทั้งนั้น
กลิ่นหอมหวนของโอเมก้าสาวฟุ้งกระจายไปทั่วโถงทางเดินทันทีที่นายน้อยของบ้านโอบเอวเธอเข้ามา หญิงสาวเดินหลังตรงด้วยมาดของนางพญาแม้ว่าสภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่เธอก็ไม่ยอมให้โดฟลามิงโก้อุ้มอีกแล้ว
อัลฟ่าที่กำลังถูกไล่ออกไปลอบกลืนนํ้าลาย แอบมองสาวสวยหุ่นดีกันตาเป็นมัน ก่อนจะต้องรีบ เบือนหน้าหนีแล้วจํ้าพรวดๆออกจากคฤหาสน์ไปอย่างผู้น้อยรักชีวิต
ในที่สุดหลังจากดันทุรังเดินมาจนถึงจุดที่ไม่เหลืออัลฟ่าคนอื่นอีกแล้ว นอกจากอัลฟ่าตัวโตข้างกาย คร็อกโคไดล์ก็ทรุดกายลงแทบลงไปกองกับพื้น ร้อนให้คนที่ประคองอยู่รับเอาไว้แทบไม่ทัน
“จะพาไปที่ห้อง ทนอีกหน่อยนะ” สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของอัลฟ่าที่ยังคงแปลกหน้าสำหรับเธอทำให้รู้สึกสงบลงได้เล็กน้อย
ใบหน้าสวยกดลงกับแผ่นอกกว้างแข็งแรงนั้นอีกครั้ง สูดกลิ่นแข็งแกร่งและทรงอำนาจนั้นราวกับเสพติด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันทำให้รู้สึกปลอดภัยจากสถานที่ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอัลฟ่า มากมาย
ธรรมชาติของโอเมก้าทุกคน ล้วนแล้วแต่ต้องการการปกป้องจากอัลฟ่าที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คร็อกโคไดล์จะชอบกลิ่นของหนวดขาวยามที่อยู่ด้วยกัน แต่กับโดฟลามิงโก้มันเป็นกลิ่นที่ต่างออกไป แม้จะทรงอำนาจคล้ายคลึงกับหนวดขาวคนนั้น แต่กลับทั้งดุดัน เอาแต่ใจและให้ความรู้สึกร้อนแรงมากกว่าสงบ
แต่ก่อนคร็อกโคไดล์เป็นโอเมก้าเพียงคนเดียวในการดูแลของหนวดขาว เธอเป็นโอเมก้าที่เกิดอาการฮีทเร็วกว่าโอเมก้าทั่วไป และมีกลิ่นที่รุนแรงกว่ามาก
และเมื่อเธอเป็นแบบนั้น หนวดขาวจะพาเธอไปนอนบนตักเขา ปล่อยกลิ่นที่ค่อยๆสงบอาการของเธอได้อย่างน่าประหลาด กล่อมเธอด้วยเสียงหัวเราะประหลาดๆของเขาที่ขับขานเป็นบทเพลงให้เธอหลับไปและตื่นขึ้นมาหายจากอาการครั่นเนื้อครั่นตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์
ดังนั้นทุกครั้งที่ใกล้เข้าฤดู คร็อกโคไดล์ก็จะนั่งฮอล์ส่วนตัวบินข้าวไปอีกครึ่งโลก เพื่อให้หนวดขาวกล่อมเหมือนเด็กๆ น่าอายที่อายุก็ล่วงเข้าจะครึ่งทศรรษอยู่แล้ว แต่ก็ยังกลับบ้านให้พ่อกล่อมนอนอยู่
แต่คร็อกโคไดล์ก็พอใจที่มันจะเป็นแบบนั้น
ทว่าปีนี้ดูเหมือนอะไรๆก็ผิดแผนไปเสียหมด…
“คุณ…โอเคไหม?”
โดฟลามิงโก้วางร่างหญิงสาวลงกับเตียงขนาดใหญ่กว่าคิงไซต์ ผ้าปูที่นอนสีขาวตัดกับร่างแบบบางในชุดดำช่างยั่วยวน
โอเมก้าคนสวยบิดกายไปมาอย่างทรมาน และปล่อยฟีโรโมนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆมาทรมานอัลฟ่าตัวโตซํ้าๆ
โดฟลามิงโก้อยากกระโจนเข้าใส่เหยื่อสาวแสนสวย และทำตัวเอาแต่ใจประทับรอยจูบและฝังรอยเขี้ยวแห่งพันธนาการไว้ที่หลังคอขาวนั้น ทว่าเขาก็ยังหยุดยั้งตัวเองเอาไว้ จิกเล็บที่ไม่ได้ยาวเลยลงกับ ท่อนแขนที่ยกกอดอกเอาไว้แน่นจนขึ้นรอยน่ากลัวว่าจะได้เลือดในเวลาต่อมา
เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองจะต้องมาอดทนกับอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่แต่ก่อนโอเมก้าก็แค่เครื่องมือปลอดปล่อยความต้องการเท่านั้นแท้ๆ อาจเพราะคร็อกโคไดล์เป็นคนแรกที่ขัดขืนเขา ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นอัลฟ่า และยังแสดงท่าทีราวกับราชินีบนพรมแดง แม้ว่าจะทรมานกับไฟราคะที่สุมในอกจนแทบทนไม่ไหว
นี่เป็นครั้งแรก ที่โดฟลามิงโก้หวังจะให้โอเมก้าสักคนหรืออาจเป็นคนเบื้องหน้าเขา เรียกร้องออกมาด้วยตัวเองว่าต้องการเขา…มันไม่ต่างกับความต้องการจะเอาชนะ แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว
ถึงจะทรมาน แต่โดฟลามิงโก้ก็ยังกัดฟันน้อมรับความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างอดทน ชวนให้รู้สึกนับถือไม่น้อยในฐานะอัลฟ่าชั้นสูง
“อัล…ฟ่า โทร…ศัพท์…” เสียงหวานเรียกหาเขา และเครื่องมือสื่อสาร
เขารีบหยิบมันออกจากกระเป๋ากางเกงส่งให้เธอทันที และเตรียมผละจากไปทว่ามือเรียวไม่อนุญาตให้เขาทำแบบนั้น เมื่อเธอกระชากให้เขาทรุดลงไปคร่อมเธอเอาไว้
อัลฟ่าหนุ่มพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่กลายเป็นว่าเขาต้องประคองโอเมก้าสาวขึ้นมานั่งบนตักด้วยอย่างเก้กังเมื่อเธอไม่ยอมปล่อยมือ หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับอกเขาอีกครั้งกดโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทา ต่อสายคุ้นตาออกไปยังอีกซีกโลกห่างไกล
“ฉัน…ไปไม่ทัน…” เสียงพร่าหวานเอ่ยกรอกตอบเครื่องมือสื่อสารทันทีเมื่อ อีกฝั่งหนึ่งรับสายเธอแล้ว “อยู่กับอัล…ฟ่า”
เสียงที่ดังลอดมาจากโทรศัพท์ดูเคร่งขรึมขึ้นจนโดฟลามิงโก้สัมผัสได้
“ฉัน…เขา…อยากคุยกับนาย…อัลฟ่า” หญิงสาวเงยใบหน้าแดงๆขึ้นมองเขา
ราชินีที่ใครๆก็ต้องก้มหัวให้ กำลังยื่นโทรศัพท์ขึ้นมาแตะที่ใบหูเขา เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นอ้อนแฟนหนุ่มไม่มีผิด แม้เธอจะไม่รู้ตัวแต่โดฟลามิงโก้ก็รู้สึกเป็นสุขมากจนคิดว่าถ้าตายตอนนี้ก็ไม่เสียใจแล้วอยู่
ก่อนที่วินาทีถัดมาเขาจะต้องขอกลืนนํ้าลายตัวเองถอนคำพูด…
“อัลฟ่าบอกชื่อของแกมา” เสียงที่ทุ้มตํ่าลงตามอายุและทรงพลังจนขนาดอัลฟ่าชั้นสูงก็ยังขนลุกซู่ดังจากปลายสาย
เอ็ดเวิร์ด นิวเกต!!?!
“ดอนฆีโฮเต้ โดฟลามิงโก้…ครับ” โดฟลามิงโก้เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนสุภาพ
“คงรู้สินะว่าถ้าบังอาจแตะต้องคนของฉัน จะจบไม่สวย ‘โจ็กเกอร์’ ” คำขู่ดังเรียบๆแต่ทรงอำนาจที่สุด
“ครับ…”
“ดูแลเธอ อย่าให้อัลฟ่าที่ไหนได้แตะต้องยัยหนูจนกว่าฉันจะส่งคนไปรับ และถ้าเกิดอะไรขึ้นมา…แกเตรียมยุบแฟมิลี่ตัวเองได้เลย”
“ครับผม รับทราบ…เขา เอ่อ…เขาจะคุยกับเธอ” ผู้นำสูงสุดแห่งแฟมิลี่ชื่อดัง ผู้ทรงอำนาจทั้งบนดินและใต้ดิน ส่งโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอายุมากกว่า
นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหินปล่อยให้โอเมก้าสาวสวยยึดตักของเขาต่างเบาะ ซบใบหน้าลงกับอกเขา คุยโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
ด้วยระยะห่างที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีนั้น ทำให้เสียงตํ่าจากอีกฟากของเครื่องมือสื่อสารเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย นํ้าเสียงเหมือนพ่อโอ๋ลูกกับเพลงกล่อมสบายๆทำเอาโดฟลามิงโก้แทบไม่อยากเชื่อว่า เป็นเสียงเดียวกันกับที่เพิ่งขู่เขาเมื่อครู่นี้
ต้องขอบคุณเพลงกล่อมนั้น เพราะในที่สุดกลิ่นหอมหวนรุนแรงนั้นก็ค่อยๆเบาบางลง ร่างบางที่สั่นเทิ้มด้วยไฟราคะบนตักของเขาเองก็เริ่มจะสงบมากขึ้นแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่เพลงๆเดียว จะสงบอาการฮีทในช่วงเข้าฤดูของโอเมก้าได้
“อัลฟ่า…” เสียงหวานอ่อนแรง ทว่าแฝงไปด้วยอำนาจราวกับราชินีเรียกเขา
“ครับ” อัลฟ่าหนุ่มตอบกลับด้วยนํ้าเสียงเหนื่อยล้าอย่างไม่พยายามปิดบัง
เขาเหนื่อยมากกับการพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ทำอะไรๆก็ตามที่สัญชาตญาณเขาเรียกร้องกับโอเมก้าแสนยั่วยวนในอ้อมแขน ทุกครั้งที่อาการฮีทดีดตัวสูง กลิ่นของอีกฝ่ายก็ยิ่งรุนแรงและกระตุ้นเขาอย่างหนักหน่วง มิหนำซํ้าแม่โอเมก้าสาวคนสวยก็ยังเร่งรัดเขา ด้วยการเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกเขาแน่นทั้งซุกทั้งไซร้จนรู้สึกจั๊กจี้ไปหมด
อีกฝ่ายทำตัวเหมือนแมวเสพติดกัญชาแมวซึ่งโอเคเขาค่อนข้างพอใจ แต่ถ้าจะเอาให้ถูกคือรู้สึกดีมากๆกับท่าทางออดอ้อนแบบนั้น อย่างที่เชื่อได้เลยว่าเจ้าตัวต้องไม่รู้ตัวแน่ แต่ก็ทรมานสุดๆเหมือนกันที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนที่ฝนเล็บให้น้องเหมียวแสนซนเกือบหกชั่วโมง…
“ขอบใจ…” มาดามคนสวยพูดแค่นั้น ก่อนจะทิ้งกายลงหลับสนิทบนแผ่นอกกว้างที่เธอยึดไว้เป็นหลัก
โดฟลามิงโก้กระพริบตาปริบ มองคนที่หลับไม่รู้เรื่องไปแล้วด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ระวังตัวเลยนะ” ชายหนุ่มวางร่างบางน่าปรารถนาลงกับเตียง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายไม่ยอม ปล่อยมือจากเขาแม้จะหลับไปแล้ว หนำซํ้ายังเบียดกายเข้ากอดเขาแน่นกว่าเดิมยามที่เขาพยายามฝืนตัวหนี จนสุดท้ายก็เป็นโดฟลามิงโก้ที่ยกธงขาวยอมแพ้
เขาพยุงร่างของมาดามคร็อกโคไดล์ขึ้นอย่างเบามือ เลิกผ้าห่มผืนนุ่มขึ้นตลบคลุมร่างพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ สาวสวยที่อายุมากกว่าเขาราวห้าปีขยับกายเล็กน้อยจนได้ที่ทางสบายๆและหลับต่อ
มือใหญ่เชยปลายคางเรียวขึ้นสำรวจทะนุถนอม ใบหน้ายามหลับใหลยังคงทรงเสน่ห์ แม้อายุจะล่วงเลยมาครึ่งช่วงอายุคนแล้ว ริ้วรอยอะไรรึก็ไม่ปรากฏให้เห็น แต่งแต้มเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย กับ ลิปติกสีแดงร้อนแรงอีกหน่อย ไหนจะผิวที่ขาวผ่องและเรือนร่างสมส่วน อกเอวชัดเจนน่าสัมผัส…นี่สินะราชินี
รอยแผลเป็นใหญ่นั้นไม่ได้ลดความงามของมาดามแห่งบาล็อกเวิร์กแม้แต่น้อย กลับกันมันทำให้อีกฝ่ายดูน่าค้นหา
นั่นเป็นความรู้สึกตั้งแต่แรกเห็นของโดฟลามิงโก้ และมันก็เพิ่มมากขึ้นทุกขณะเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน พูดได้เต็มปากเลยว่าเขาถูกใจเธอเขาเสียแล้ว
ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นโซลเมทกัน แต่มันจะมีอัลฟ่าหรือโอเมก้าสักกี่คนบนโลกกันที่จะตามหาโซลเมทของตัวเองพบ คู่แห่งโชคชะตาแบบนั้นงมงายและห่างไกลเกินไปสำหรับเขา…
นายน้อยแห่งแฟมิลี่ลอบยิ้มที่มุมปาก ถ้าอยากได้ก็ต้องลงมือทำด้วยตัวเองเท่านั้น
…………………………………….
เช้าวันต่อมาฮอล์ส่วนตัวของท่านหญิงจากบาล็อกเวิร์กก็ลงจอดที่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านของคฤหาสน์ดอนฆีโฮเต้ หญิงสาวผมดำใบหน้าสะสวยในชุดสูทสตรีเรียบร้อยเดินลงมาเป็นคนแรก
สีหน้านิ่งเฉยแต่จริงจังและกลิ่นกดดันแบบอัลฟ่าแผ่ออกมาไม่ปิดบัง เธอถามหาคนที่เธอต้องการ พบกับใครก็ตามที่ออกมาต้อนรับ และต้องการได้ตัวมาดามคนสวยคืนในทันที
และไม่ใช้เวลานานเลยที่สาวสวยคนนั้นจะตามหามาดามคร็อกโคไดล์เจอ เพราะกลิ่นที่ติดไปทั่วทุกที่จากอาการฮีทที่เพิ่งเกินขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
นิโคล โรบินถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนนายน้อยของบ้านเข้าไปทันทีเมื่อแน่ใจว่าเจ้านายของเธอ ต้องอยู่ด้านในแน่นอน ซึ่งก็ไม่พลาดแม้แต่น้อยเมื่อเธอเห็นภาพหญิงสาวที่ยังคงสวมสูทตัวเดียวกันกับเมื่อวานนอนอยู่บนตักของเจ้าบ้าน
“คุณคร็อกโคไดล์ ขออภัยที่มาช้าดิฉันมารับแล้วค่ะ” เสียงหวานดังพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ
เลขาฯสาวปรี่เข้าไปหามาดามสาวอย่างรวดเร็ว ลอบส่งสายตาจิกกัดไม่ไว้ใจไปให้อัลฟ่าตัวโตควับหนึ่ง ก่อนกลับมาสำรวจมาดามสาวอย่างว่องไว
เมื่อแน่ใจว่าคร็อกโคไดล์ปลอดภัยดีครบสามสิบสอง และไม่มีร่องรอยแปลกๆอะไรบนผิวขาวเนียนนั้น เธอก็ลอบเป่าปากโล่งอกในใจ
“นิโคล?”มาดามสาวร้องเรียก
“คะ มาดามฉันอยู่นี่แล้วค่ะ”
“เธอมาสาย…สายมาก เธอจะถูกตัดเงินเดือนหลังจากนี้ นิโคล…” มาดามคนสวยพึมพำ มือเรียวยื่นออกมาหามือที่รออยู่แล้วของเลขาฯสาว ปรือเปลือกตาหวานเยิ้มมองภาพที่เบลอไปหมดอย่างสุดความสามารถ
“ด้วยความยินดีค่ะมาดาม ขออภัยในความล่าช้าด้วยค่ะ” โรบินหมายความตามนั้นจริงๆ เธอปล่อยฟีโรโมนอัลฟ่าเข้มข้นออกมา เรียกให้โอเมก้าสาวยอมขยับกายออกจากนายน้อยของบ้านช้าๆ
คร็อกโคไดล์ไม่ใช่โอเมก้าสายพันธุ์หายากอะไร เพียงแต่เธอเป็นโอเมก้าที่มีเซ็นท์เกี่ยวกับกลิ่นรุนแรงมากกว่าโอเมก้าอื่นทั่วไป
กลิ่นของเธอจะรุนแรงและหอมหวานมากกว่าโอเมก้าคนอื่นๆ ซึ่งมันจะยิ่งแรงมากขึ้นในช่วงเข้าฤดู และในทางกลับกันคือเมื่อเข้าฤดูแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเธอจะทื่อลงเหลือเพียงการดมกลิ่นเท่านั้นที่ชัดเจน
เข้าใจง่ายๆเลยคือ เมื่อคร็อกโคไดล์เข้าสู่ช่วงเข้าฤดู ตัวเธอจะใช้สัญชาตญาณและการดมกลิ่นเท่านั้น และกลิ่นของอัลฟ่าที่แข็งแกร่งที่สุดคือสิ่งที่เธอเชื่อถือ อาจเพราะเธออยู่กับหนวดขาวมาตลอด และไม่มีใครที่จะมีกลิ่นอัลฟ่าแข็งแกร่งไปมากกว่าเขาอีกแล้ว คร็อกโคไดล์จึงวางใจกับกลิ่นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งเสมอ ในยามที่ตัวเองไม่สามารถดูแลตัวเองได้
ซึ่งในกรณีที่มีไม่บ่อย และแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยเช่นการที่มาดามคนสวยจะเดินทางไปไม่ถึงหนวดขาวก่อนการฮีทเช่นในตอนนี้ วิธีเดียวที่จะพามาดามที่ตัวติดอัลฟ่าสูงศักดิ์ไปแล้วกลับมาได้ คือต้องปล่อยกลิ่นอัลฟ่าที่รุนแรงมากกว่าออกมา
ประธานบริษัทบาล็อกเวิร์กปรือเปลือกตาให้เปิดมากขึ้น พยายามมองภาพเลือนลางของคนที่จำได้แม่นว่าเป็นเลขาฯของตน กลิ่นอัลฟ่าแข็งแรงและเย็นสบายของเธอที่ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่าคนที่เธอกอดอยู่เริ่มทำให้มาดามคนงามค่อยๆขยับตัวออก ยื่นมือเตรียมจะจับกับคนของตน
นิโคล โรบินยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อกลิ่นฟีโรโมนรุนแรงของอัลฟ่าร่างสูงพุ่งตลบออกมาเย้ยกลบกลิ่นของเธอจนหมดสิ้น มือเรียวของมาดามคร็อกโคไดล์ชะงักกึก และกลับไปกระชับเสื้อของอัลฟ่าหน้าเป็นคนเดิมเอาไว้ เธอเบียดกายเข้าหากลิ่นแข็งแกร่งนั้นมากขึ้น ราวกับเด็กตัวเล็กๆที่เบียดหาความอบอุ่นจากบิดา
หญิงสาวตวัดสายตาเฉือดเฉือนเข้าใส่คนทำเสียเรื่อง พยายามเร่งกลิ่นอัลฟ่าของตัวเองมากขึ้น แต่โดฟลามิงโก้เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เมื่อเขาพอจะเดาอะไรหลายๆอย่างได้และเริ่มวางแผนในใจ แน่นอนว่าไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย ฝ่ายที่ต้องยอมจำนนก็คือเลขาฯสาวจากบาล็อกเวิร์ก
“ต้องการอะไรงั้นหรอคะคุณดอนฆีโฮเต้?” โรบินไม่ใช่คนโง่ เธอเดาเจตนาของอีกฝ่ายออกและเลือกที่จะไม่อ้อมค้อม
“แค่พาฉันไปด้วย ฉันค้องการพบกับหนวดขาว”
ตลอดการเดินทางมาดามคนสวยไม่ผละห่างไปจากโดฟลามิงโก้เลย เธอไม่แม้แต่จะปล่อยมือที่เกาะชายเสื้ออีกฝ่ายด้วยซํ้า และนั่นยิ่งทำให้โรบินหงุดหงิด
โอเค เธอยอมรับว่าผิดเองที่ไม่แจ้งรื่องสภาพอากาศตั้งแต่แรก และไม่ได้ตามมาดูแลมาดามที่ใกล้เข้าฤดูเต็มที่แล้วตามหน้าที่ และก็ยอมรับว่าต้องขอบคุณพ่อหนุ่มหน้าเป็นตรงหน้าที่อุตส่าห์ช่วยเหลือเจ้านายของเธอเอาไว้
แต่ให้ตายเถอะ! นี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด!!
เวลาปกติมาดามของเธอเป็นโอเมก้ามาดราชินีที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องยอมสยบให้ แต่กับช่วงเข้าฤดูนั้นเธอจะกลับไปเป็นเพียงลูกแมวที่เดิมพันชีวิตช่วงสามเดือนเอาไว้กับสัญชาตญาณเท่านั้น ดังนั้นเธอจะเลือกกลิ่นของอัลฟ่าที่รุนแรงที่สุดที่เธอพบเพื่อพักพิง ซึ่งปกติมันก็จะไม่มีปัญหาอะไรเมื่อคนคนนั้นคือหนวดขาว
ภาพของคร็อกโคไดล์ที่นอนขดอยู่บนตักกว้างของอัลฟ่าเรืองอำนาจคนนั้นคือสิ่งชินตาตลอดชีวิตการเป็นเลขาฯของเธอ
และโรบินก็หวังจะได้เห็นภาพแบบนั้นทุกๆปี…ไม่ใช่การต้องมาเห็นมาดามคร็อกโคไดล์ เกาะติดอยู่กับเจ้าลูกขุนนางเพลย์บอย ที่เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นแบบนี้!
ในแวดวงธุรกิจแน่นอนที่ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อตระกูลดอนฆีโฮเต้ ด้วยอำนาจและเงินตรามากมายที่ไหลเวียนบนโลกใบนี้ส่วนหนึ่งแทบจะมาจากเพียงแฟมิลี่ๆเดียว นั่นก็บ่งบอกความยิ่งใหญ่ของโดฟลามิงโก้ผู้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นปัจจุบันได้ดีมากพอแล้ว และยังไม่นับรวมถึงอีกหนึ่งขั้วอำนาจในโลกมืด ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กุมบังเหียนของสัตว์กระหายเลือดเอาไว้ ภายใต้ฉายาผู้แทรกแซงอย่าง ‘โจ๊กเกอร์’
แต่เรื่องสำคัญจริงๆสำหรับโรบินไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย เมื่อบาล็อกเวิร์กเองก็เป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจที่จ่ายเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เผลอๆก็อาจจะเทียบเท่ากันเลยด้วยซํ้าไป ทว่าเรื่องสำคัญมันอยู่ที่ตัวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเองต่างหาก
ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีที่แอบซ่อนแววตาเอาไว้เบื้องหลังแว่นดันแดดทรงประหลาดสีเจ็บ ยังซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอื่นเอาอีกมาก ในวงการโอเมก้าไม่มีใครไม่รู้กิตติมาศักดิ์การทำลายสถิติเปลี่ยนคู่นอนมากที่สุดของอีกฝ่าย
แล้วกับคนแบบนี้หรือที่เธอสมควรจะปล่อยให้มาดามของเธอได้คลุกคลี?
แค่คิดกลิ่มฟีโรโมนอัลฟ่าก็เข้มขึ้นอีกขั้นจนมาดามสาวที่เอาแต่ซุกหน้าลงกับแผ่นอกสีแทนนั้นขยับกายไปมาไม่สบายตัว
โดฟลามิงโก้ฉีกยิ้มให้เลขาฯสาวคนสวยที่จ้องเขานิ่งด้วยแววตาไม่เป็นมิตร และปล่อยฟีโรโมน. เข้นข้นออกมาอีกครั้ง ร้อนให้เขาต้องเร่งกลิ่นของตัวเองให้เข้มขึ้นตามเมื่อโอเมก้าคนสวยของเขาทำท่าจะลุกหนีไปตามกลิ่นที่แรงกว่า
การเดินทางข้ามซีกโลกไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ แต่ด้วยความรวดเร็วของฮอล์และสภาพอากาศที่ฟ้าเปิดตลอดการเดินทาง ในที่สุดกลุ่มผู้โดยสารที่เอาแต่ปล่อยฟีโรโมนแข่งกันตลอดเกือบสามวันเต็ม ของการเดินทางก็ไปถึงที่หมาย
เกาะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่สวยงามและอุดมสมบูรณ์จนเป็นที่หมายตาของเหล่านักธุรกิจทั่วโลก ซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองจากหนวดขาวคือปลายทางที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอด
โดฟลามิงโก้เป่าปากยาวแล้วก้าวเดินลงมาเป็นคนแรก ในอ้อนแขนของเขายังคงมีร่างของคร็อกโคไดล์อยู่ไม่ห่าง ตามด้วยนิโคล โรบินที่เดินตามลงมาสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ แต่ก็สัมผัสได้ว่าเธอไม่ใคร่จะพอใจนักและออกจะค่อนไปทางหวั่นเกรง
ผู้คนต่างจ้องมายังผู้มาเยือนเป็นตาเดียว คนส่วนใหญ่เป็นชนชาวพื้นเมือง หญิงสาวส่วนใหญ่จะสวยมีเสน่ห์แปลกตากว่าในตัวเมือง และท่วงท่าการก้าวเดินก็ดูราวกับนางเงือกที่กำลังแหวกว่ายในทะเล สมกับที่เป็นเกาะภายใต้สมญานามว่าเกาะเงือก
ที่สำคัญคนที่นี่ส่วนใหญ่แทบทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่าที่มีกลิ่นเฉพาะรุนแรงด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นกลับทำให้มาดามคร็อกโคไดล์ผละลงมาเดินด้วยตัวเองอย่างน่าขัดใจ
คนส่วนใหญ่เหมือนจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างก็ทักทายเธอกันทั้งนั้น แน่นอนว่ามาดามสาวรักษามาดราชินีของตัวเองได้เป็นอย่างดีเช่นทุกที
โดฟลามิงโก้แอบจิ๊ปากในใจเมื่อโอเมก้าสาวที่ติดเขาแจจนไม่ยอมให้เขาห่างกายไปไหน กลับไปเป็นราชินีคนเดิมแล้ว เขาจึงจำต้องละความสนใจนั้นไปที่บรรยากาศรอบตัวแทน ดูแปลกตาไม่น้อยเหมือนกันที่ราชินีจากเมืองท่าทะเลทราย ดูเป็นที่รู้จักของอาณาจักรกลางทะเลแบบนี้
“เจ้!” เสียงใครคนหนึ่งทักขึ้น เรียกให้โดฟลามิงโก้หันกลับมาสนใจ
ใครคนนั้นที่ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ใบหน้าประดับด้วยกระประปราย เจ้าของเรือนผมสีดำหยักศกเล็กน้อยมี่สวมหมวกปีกกว้างทับ เขาดูสุขภาพดีตามร่างกายที่มีมัดกล้ามซึ่งโชว์ชัดเจนจากเสื้อที่ไม่ยอมสวม และสวมเพียงแต่กางเกง
“คิดถึงจัง!” เด็กหนุ่มพุ่งเข้ามาสวมกอดหญิงสาวในทันที
ใบหน้าตกกระที่ไม่ทิ้งความเยาว์วัยซุกลงกับหน้าท้องแบนราบของเธอ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันมาก ไม่ใช่ว่าเขาเตี้ยหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่มาดามสาวคนสวยสูงมากกว่าคนทั่วไปมากเท่านั้นเอง
“‘เอส’ อย่าให้ต้องยํ้าบ่อยๆได้ไหม อย่าแตะเจ้ช่วงเข้าฤดูน่ะ”
มือหยาบกระชากร่างเอสหรือ ‘โปรโตกัส ดี. เอส’ ให้ออกห่างจากคร็อกโคไดล์ในทันที นํ้าเสียงเป็นผู้ใหญ่ทั้งโทนเสียงและบรรยากาศเป็นของ ‘มัลโก้’ มือขวาของหนวดขาวนั่นเอง
“เชิญทางนี่เลยครับ พ่อรอเจ้อยู่เลย” มัลโก้ผ่ายมือไปด้านหลัง ยังกระโจมขนาดใหญ่ริมทะเลที่ล้อมกรอบด้วยทรายละเอียดสีขาวบริสุทธิ์
“ขอบใจมาก แล้วก็นะดีใจที่ได้ยินแบบนั้นเอส” มาดามคนงามยิ้มบางที่มุมปาก เธอดูสบายๆยามเมื่ออยู่กับคนคุ้นเคย
ซึ่งท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้โดฟลามิงโก้หงุดหงิดใจ เขาเกือบลืมจุดประสงค์ในการมาของตัวเองไปแล้ว เมื่อในหัวเต็มไปด้วยเรื่องของมาดามสาวเพียงอย่างเดียว และเขาเพิ่งได้ค้นพบว่าตัวเองอารมณ์เสียมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนนอกแบบนี้ยามเมื่ออัลฟ่าอายุน้อยกว่าตนสองคนมาแย่งความสนใจทั้งหมดของหญิงสาวไปแล้ว
โอเค เขาก็เป็นคนนอกจริงๆ…
แต่จะขอใช้สิทธิ์ที่ถูกกอดมาตลอดหลายวันคิดเอาหน่อยไม่ได้หรอ ว่ามาดามแห่งเมื่อท่าทะเลทรายคนนั้นเองก็อาจกำลังสนใจเขาอยู่ แม้จะไม่เคยเรียกชื่อกันเลยสักครั้งก็ตามที
ขากางเกงยาวสีดำถูกพับขึ้นจนถึงหัวเข่า รองเท้าส้นสูงสีดำเองก็ถูกถอดออก โดยมีเอสช่วยถือให้อย่างแข็งขัน แล้วมาดามคนสวยก็เดินนวยนาดข้ามหาดทรายตรงไปยังกระโจมหลังใหญ่
ทันทีที่ขาแตะกับทรายละเอียดนุ่ม กลิ่นอัลฟ่าทรงอำนาจและมั่นคงแสนคุ้นเคยก็ประดังเข้ามา จนหญิงสาวอดจะฉีกยิ้มออกมาไม่ได้ เธอก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วต่างกับโดฟลามิงโก้ที่ชะงักไปครู่หนึ่ง
เขาเคยร่วมทำธุรกิจกับเอ็ดเวิร์ด นิวเกตครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาก็ลงมาคุยงานด้วยตัวเอง อีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าชราที่แข็งแรงและมีกลิ่นทรงพลังมากที่สุดที่โดฟลามิงโก้เคยเจอมา แต่เพราะตอนนั้นทำธุรกิจร่วมกันมา จึงไม่ได้เจอกับกลิ่นรุนแรงกดดันอะไร…แบบในยามนี้
โดฟลามิงโก้รู้สึกเหมือนโดนจ่าฝูงตัวใหญ่กว่ายืนข่ม สัญชาตญาณร้องระงมให้ระแวดระวังหากตัวเขายังคิดจะก้าวเข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่าย
แต่มันไม่มีเวลาให้ลังเลมากนักเมื่อโอเมก้าของเขาเดินนำไปเกินครึ่งทางแล้ว เขาจึงกลั้นใจเดินตามไปอย่างมาดมั่น
“ว้าว! หมอนั่นทนกลิ่นกดดันของพ่อได้ด้วยแหะ ไม่เสียแรงที่เป็นพวกขุนนาง” เอสที่เดินนำมาก่อนหันไปกระซิบกับมัลโก้ เหลือบไปมองโดฟลามิงโก้ที่เดินตามมาด้วยอย่างไม่ปิดบังอาการ
“ก็ต้องถือว่ามีความพยายามล่ะนะ แต่จะไปได้สักกี่นํ้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้นี่เจ้เขาเป็นยังไง” มัลโก้ไม่ได้หันไปมอง แต่ชายหนุ่มเจ้าของฉายาฟินิกส์อมตะก็ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน
หนวดขาวมักเรียกผู้คนในสังกัดของตัวเองว่าลูกเสมอ แต่กับคร็อกโคไดล์นั้นต่างออกไปทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรมากแต่ก็เหมือนเป็นที่รู้กันว่าคร็อกโคไดล์เป็นลูกสาว คนแรกและคนเดียวของหนวดขาว เธอจึงเปรียบเสมือนเจ้ใหญ่ของทุกคนภายใต้การนำของอัลฟ่าชรา
ลือกันว่าหนวดขาวชุบเลี้ยงคร็อกโคไดล์มาตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ก็เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีใครกล้าละลาบละล้วงถามทั้งสองคน รู้แค่เพียงแต่ว่าโอเมก้าสาวคนสวยคนนี้มีสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นๆในหลายๆความหมายก็เพียงพอแล้ว
ซึ่งก็ไม่เคยมีใครคัดค้านเรื่องนั้น เพราะถึงจะเป็นโอเมก้า คร็อกโคไดล์ก็เป็นเหมือนราชินีผู้ยิ่งใหญ่ และภายใต้ท่าทีเย็นชาปากร้าย เธอก็ใจดีกับพวกเขาทุกคนเสมอ จนน่าเสียดายที่จะมีเพียงสามเดือน ของทุกปีเท่านั้นที่เธอจะเดินทางมาที่นี่
“ฉันหวังว่าเขาจะไม่ตามมามากกว่านี้มากกว่าค่ะ” โรบินที่เดินตามมาด้วยเงียบๆอดพึมพำร่วมด้วยไม่ได้ อัลฟ่าสาวยังคงแสดงอาการไม่พอใจเล็กๆออกมา
ในที่สุดคณะผู้มาเยือนก็มาถึงกระโจมเป้าหมาย คร็อกโคไดล์ยิ้มกว้างออกมายามเมื่อผ่านเข้าไป ด้านในกระโจมแล้วได้เห็นคนที่เธออยากพบมากที่สุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดื่มสาเกขวดใหญ่แต่หัววันสบายอารมณ์
“ตาแก่ ฉันมาแล้ว” หญิงสาวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอัลฟ่าชราร่างใหญ่
กลิ่นทรงพลังแสนคุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เธอหันไปยิ้มตอบเหล่าลูกน้องคนอื่นๆของหนวดขาวที่ทักเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะการเดินทางที่ล่าช้าเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินเข้าไปหาอ้อมกอดอบอุ่นนั้นเช่นทุกที
“‘ไงยัยหนู คราวหน้าอย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกรู้ไหม” เอ็ดเวิร์ด นิวเกตสวมกอดร่างบอบบางของโอเมก้าสาวเอาไว้ ลูบศีรษะกลมที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสั้นสีดำอย่างเอ็นดู
คร็อกโคไดล์ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่าย กลิ่นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งที่สุดและมั่นคงที่สุดทำให้ราชินีผู้หยิ่งผยองกลับไปเป็นแมวเหมียวตัวน้อยอีกครั้ง
กลิ่นหอมหวนของโอเมก้าสาวรุนแรงขึ้นในทันที ทุกคนในกระโจมต่างเดินออกไปอย่างรู้งาน ไม่เว้นแม้แต่นิโคล โรบินที่ก้มหน้าก้มตาเดินออกไปเช่นกัน
หลงเหลือเอาไว้เพียงหนึ่งโอเมก้าและอีกสองอัลฟ่า
“อื้ม…ฉันอยากฟังเพลง…” เสียงออดอ้อนดังจากแมวสาวแสนสวยที่ซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างประดับรอยแผลเป็นประปรายของหนวดขาว
เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นทำให้ความทรมานของเธอค่อยๆทุเลาลง และยิ่งเมื่อเสียงหัวเราะเฉพาะตัวดังขึ้นก่อนขับกล่อมเป็นเพลงกล่อมเด็กสบายหู กลิ่นฟีโรโมนคุ้มคลั่งรุนแรงของโอเมก้า สาวก็ค่อยๆสงบลงคงที หลงเหลือเอาไว้เพียงความหอมหวานชวนหลงใหล
คร็อกโคไดล์หลับไปแล้ว บนตักของชายผู้ยิ่งใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่จักรพรรดิของซีกโลกฝั่ง นิวเวิล โดยมีมือใหญ่นั้นลูบศีรษะไปด้วยเหมือนกล่อมเด็ก
โรบินที่รู้งานดีเสมอเดินเข้ามาในทันที มาจัดการอุ้มมาดามคนสวยไปนอนพักดีๆเช่นทุกครั้ง
“อย่าลงโทษนิโคลนะตาแก่ เพราะฉันหักเงินเดือนเธอแล้ว…” ก่อนจะไปคนที่ยังงึมงำหลับไม่สนิทดี ก็เอ่ยออกมาทิ้งท้าย
หนวดขาวยิ้มจนตาหยีเลิกจดจ้องเลขาฯอัลฟ่าของลูกสาว แล้วหัวเราะตอบรับให้เธอสบายใจก่อนจะถูกพาออกไปให้นิโคล โรบินหุบยิ้มที่มุมปากไม่ลง
บอกแล้วว่ามาดามของเธอเป็นคนใจดี
“กลับมาที่เรื่องของพวกเราดีกว่า” หนวกขาวเกริ่นนำไม่อ้อมค้อม “ต้องการอะไรโจ๊กเกอร์”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ ฉันแค่ติดใจโอเมก้าของคุณเท่านั้นเอง” โดฟลามิงโก้หัวเราะตบท้าย
หนวดขาวเลิกคิ้วสูง มือใหญ่ยกขวดสาเกขึ้นจิบ พิจารณาท่าทางของอัลฟ่าเพลย์บอยที่ไม่จ้องสบตากับเขา และเอาแต่มองออกไปนอกกระโจมที่คร็อกโคไดล์ถูกพาออกไป
“แล้วคิดว่ายัยหนูจะเล่นด้วยรึไง? เธออาจจะยอมแกว่งหางว่าง่ายให้ลูบหัวในช่วงเข้าฤดู แต่ถ้าพ้นสามเดือนนี้ไปเธอจะกลับไปเป็นประธานบาล็อกเวิร์คคนเดิมนะ แน่ใจแล้วหรอว่าจะยัง ‘ติดใจ’ ?”
“ฉันก็เจอเธอครั้งแรกตอนเธอเป็นราชินี” โดฟลามิงโก้กอดอกพิงหลังลงกับเสากระโจม เหม่อมองตามหาดทรายขาว สูดกลิ่นหวานยั่วยวนที่ลอยไกลออกไปแล้วอย่างเผลอไผล
“ชอบ?” คนอายุมากกว่าถามอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง
“ไม่ปฏิเสธ”
“กุระร่าร่า น่าสนใจ…” หนวดขาวหัวเราะลั่นออกมา “ถ้าคิดจะจีบยัยหนู คงต้องผ่านบททดสอบกันสักหน่อย”
“ฉันมาเพื่อการนั้นอยู่แล้วล่ะ” โดฟลามิงโก้หันมาฉีกยิ้มกว้างมั่นอกมั้นใจให้
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะเสียงแปลกๆประสานกันขึ้นมา จนคนที่เดินผ่านไปมาอดขนลุกซู่ไม่ได้
………………………………….
โดฟลามิงโก้เฝ้าสังเกตโอเมก้าสาวคนงามของเขาทุกอิริบาบถมาเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว และนั่นก็ทำให้เขาได้รู้ว่าคร็อกโคไดล์นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่ใจดีมากผิดกับภาพลักษณ์เย็นชา
นอกจากเวลาฮีทที่เธอจะเก็บตัวอยู่บนตักของหนวดขาวแล้ว มาดามคนสวยก็จะใช้เวลาไปกับการอยู่ร่วมกับเหล่าอัลฟ่าลูกน้องหนวดขาว ที่ทุกคนก็ดูเหมือนจะเตรียมตัวต้อนรับมาดามสาวมาแต่แรก ทั้งจัดงานเลี้ยง พาออกไปดำนํ้า หรือกระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างทำซิการ์รสพิเศษให้เธอ
แม้หญิงสาวอายุเดินมาครึ่งชั่วอายุคนแล้วจะเอ่ยถ้อยคำหยิ่งผยองออกมา และปฏิเสธความหวังดีเหล่านั้นอย่างไม่ใยดี แต่การกระทำช่างสวนทางเมื่อเธอก็ดูจะสนุกไปกับสิ่งที่พวกเขาทำให้ และทุกคนเองก็ยินดีไปกับท่าทางผ่อนคลายของเธอ
แว่วเรื่องมาให้ได้ยินว่า คร็อกโคไดล์นั้นช่วยพวกเขาเอาไว้มากจริงๆ แม้จะเป็นโอเมก้าแต่ก็เป็นโอเมก้าที่ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปณิธานแรงกล้า สู่โลกยูโธเปียซึ่งปราศจากการแบ่งแยก เพราะงั้นทุกคนที่นี่นอกจากหนวดขาวแล้ว ก็จะเคารพรักคร็อกโคไดล์มากที่สุด
แถมทุกคนก็ชินชาแล้วกับอาการปากไม่ตรงกับใจของมาดามคนสวย ยิ่งจิกกัดเจ็บก็ยิ่งหมายความว่ามาดามสาวกำลังพึงพอใจ
ทำเอาอัลฟ่าหน้าเป็นถึงกับนั่งไม่ติด ไม่แน่ว่าตัวเธอเองก็อาจจะกำลังสนใจเขาอยู่ก็ได้ โดฟลามิงโก้จึงเลียบๆเคียงๆเข้าใกล้โอเมก้าสาวทุกทีที่ได้โอกาส และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็เชิดใส่เขาโดยไม่ใยดีแม้แต่น้อย…
และโดฟลามิงโก้ก็แน่ใจว่านั่นไม่ใช่เพราะความปากไม่ตรงกับใจของอีกฝ่ายแน่นอน แถมเขายังได้รับสีหน้าสะใจจากเลขาฯสาวคนสนิทของมาดามแห่งเมืองท่าทะเลทรายมาเป็นของแถมอีกด้วยทุกครั้งไป
เห้ออ…
“เป็นอะไรไปโจ๊กเกอร์? ถอนหายใจเสียงดังเชียวนะ” มัลโก้นั่นเองที่ถามไถ่ขึ้น
มือขวาของหนวดขาวทิ้งกายสีแทนลงนั่งข้างคนที่เอาแต่แผ่ฟีโรโมนอัลฟ่าเข้มข้น ตีสีหน้าอมทุกข์จนคนอื่นๆไม่กล้าเข้าใกล้ ยื่นขวดเหล้าท้องถิ่นขึ้นชื่อเย็นเจี๊ยบให้อีกฝ่าย แล้วกระดกของตัวเองลงลำคอ ดับกระหาย
“เจ้เขาไม่สนใจใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มผมทองตัดทรงประหลาดที่เอสชอบเรียกว่าเหมือนสัปปะรดเอ่ยดักรู้ทัน
“ก็นะ…” เจ้าของแว่นทรงประหลาดมองตรงไปเบื้องหน้าที่สาวๆอัลฟ่ากำลังชวนโอเมก้าคนงามของเขาไปเก็บเปลือกหอย ถอนหายใจอีกครั้งแล้วกระดกเหล้าในมือบ้าง
รสชาติที่แตกต่างกับเครื่องดื่มที่เคยลิ้มลองมาช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง แต่ก็ไม่ช่วยดับกระหายเท่าไรยามที่เขาทำได้แค่มองภาพ เรือนร่างสะโอดสะองน่าสัมผัสในชุดว่ายนํ้าสีดำตัวจิ๋วที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆแล้ว…เหมือนกับระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ที่รั้นแต่จะเพิ่มมากขึ้น
“ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่กันแน่…” เมื่อเหล้าเข้าปาก คนเราก็เผยความในใจกันง่ายขึ้น
“เพราะนายชอบเจ้?” มัลโก้ถาม
“เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่นายรู้อะไรไหมเด็กน้อย มันอาจจะแค่เพราะเธอแตกต่างกับโอเมก้าคนอื่นๆ ฉันก็เลยสนใจ…”
“การที่นายแคร์เรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไล่คู่นอนลงจากเตียงตามความพอใจมาตลอด ยังตอบใจไม่ได้อีกหรอ ว่านาย ‘หลงรัก’ เจ้ของพวกเราเข้าแล้วน่ะ?”
โดฟลามิงโก้หันกลับมามองอีกฝ่ายทันควัน คำพูดของคนที่เขาตราหน้าว่าเด็กน้อย กลับทำให้เขาเริ่มมั่นใจขึ้นมา ในอกอุ่นวาบด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนตลอดชีวิต 41 ปีของตัวเอง
ที่สับสนและไม่แน่ใจ ก็เพราะกลัวจะทำพลาดต่อหน้าเธอคนนั้น…
นี่ล่ะมั้งที่เขาชอบพูดกันว่าต่อหน้าคนที่ชอบ เราก็มักจะเกร็งไปเสียหมดจนทำตัวไม่ถูก
“เชี่ยวชาญจังนะฟินิกส์อมตะ” หนุ่มใหญ่ยกมือขึ้นปิดหน้าที่เดาได้ว่าต้องกำลังแดงแจ๋อยู่แน่ๆ แซวกลับอีกฝ่ายเบาๆ
“ก็ไม่หรอก เพียงแต่ฉันเคยรู้สึกมาก่อนเท่านั้น…” มัลโก้หัวเราะ พ่อหนุ่มเพลย์บอยกลายเป็นเด็กหนุ่มหัดมีความรักไปเสียแล้ว เขาลากสายตามองผ่านไปยังเด็กหนุ่มใบหน้าตกกระที่เข้าไปชวนคร็อกโคไดล์ออกไปนั่งเจ็ตสกีด้วยกัน “เจ้เขาเป็นโอเมก้าที่เก่งมาก แล้วก็สวยมากด้วย ถ้าได้อยู่ด้วยกันจะรู้ว่านิสัยของเจ้เขาทำให้คนที่อยู่ด้วยสบายใจ ไม่ใช่จากคำพูดคำจา แต่เป็นการกระทำของเขาที่ใส่ใจคนรอบข้างในแบบของตัวเอง ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาทำสมัยก่อนอัลฟ่ามากหน้าหลายตาก็ติดเจ้เขากันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครเคยทำให้เจ้หวั่นไหว…ไม่เคยมี”
“งั้นฉันจะเป็นคนแรก และคนสุดท้าย” รอยยิ้มมั่นใจกลับมาบนใบหน้าคม
คนตัวสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน วางขวดเหล้าที่หมดแล้วแทนที่ สายตาจดจ้องไปยังหญิงสาวเป้าหมายผู้ขยับกายบิดคันเร่งเจ็ทสกีให้หักเลี้ยว ตีนํ้าทะเลเป็นวงกว้างงดงามไม่วางตา
“เฮ้!” มัลโก้ร้องเรียกเป็นครั้งสุดท้าย “ยังมีอีกเรื่องที่ฉันจำเป็นต้องบอก…”
“เจ้จะกลับแล้วหรอ!! อยู่อีกหน่อยไม่ได้หรือไงกัน…หรืออย่างน้อยก็มาเยี่ยมพวกเราช่วงอื่นบ้างสิ” เสียงงอแงไม่ยอมโตของเด็กหนุ่มผู้กอดร่างมาดามสาวไว้แน่นดังอู้อี้ประท้วง
เมื่อหญิงสาวผู้เป็นที่รักของทุกคนกำลังจะเดินทางกลับแล้ว เวลาสามเดือนที่ได้อยู่ด้วยกันในแต่ละปีช่างน้อยนิด เด็กหนุ่มติดพี่จึงทำได้แต่เพียงงอแงขอในช่วงนี้ของทุกปี
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ปล่อยน่า” ถึงพูดตัดรอนนํ้าใจ แต่มือเรียวก็ยกขึ้นลูบเรือนผมหนักศกของอีกฝ่ายปลอบ “คราวหน้าก็ไปหาฉันสิ”
“จริงนะ!! เจ้ยอมให้ฉันไปหาจริงๆนะ!!” เอสตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำอนุญาต
ปกติแล้วลูกๆของหนวดขาวจะอยู่เป็นที่ ทำงานทำการอะไรก็จะอยู่ที่เกาะเงือกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนที่โตๆกันแล้วและหนวดขาวไว้วางใจก็มีบ้างที่จะถูกส่งไปทำงานที่อื่น แต่กับเอสนั้นตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนไกลกว่าอาณาเขตของเกาะเงือกเลย
แต่ถ้าคร็อกโคไดล์เป็นฝ่ายออกปากเองล่ะก็…
“ถ้าตาแก่ยอมก็มาได้เลย” มาดามคนสวยหัวเราะขบขันทิ้งท้ายในลำคอ เมื่อได้รับสีหน้าบูดบึ้งมาแทนคำตอบ
คณะบาล็อกเวิร์กและอีกหนึ่งอัลฟ่าเดินทางกลับขึ้นฮอล์แล้ว โดยมีบรรดาอัลฟ่าน้อยใหญ่โบกมือลา…อีกเก้าเดือนทุกคนก็จะได้พบกันอีกครั้ง
“นิโคล เช็คตารางงานอาทิตย์นี้แล้วก็เตรียมเอกสารการประชุมให้ฉันด้วย พอกลับถึงอลาบาสต้าเมื่อไรฉันจะเปิดประชุมรวมเอเยน” ราชินีแห่งเมืองท่าทะเลทรายไขว่ห้างจุดซิการ์ สั่งงานตั้งแต่ยังเดินทางไปไม่ถึงไหน
เลขาฯสาวนับคำแล้วเดินออกจากห้องพักไป ปล่อยให้ผู้คานอำนาจแห่งโลกธุรกิจทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรอีกเมื่อมาดามคนสวยกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้งแล้ว และอีกในหนึ่งก็เป็นคำสั่งของหนวดขาว เพื่อ ‘ทดสอบ’ อัลฟ่าผิวแทน
คล้อยหลังนิโคล โรบินไปเพียงครู่ หญิงสาวที่รู้ตัวว่าถูกจ้องมาตั้งแต่แรกก่อนถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกลิ่นใบยาสูบนุ่มลึก
คร็อกโคไดล์ค่อนข้างชอบกลิ่นท้องถิ่นของพืชที่หาได้เพียงจากเกาะเงือกเท่านั้นจนอยากจะนำเสนอเป็นสินค้า แต่เมื่อคิดว่านั่นจะทำให้เกาะเงือกยิ่งเป็นที่หมายตา เธอก็ล้มเลิกความคิดนั้นทิ้งเหมือนเป่าทรายให้กระจายไป
“อัลฟ่า…” นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองอีกคนที่ยังจ้องเธอไม่เลิก และกำลังพยายามเร่งฟีโรโมนอัลฟ่าให้รุนแรงจนเธอนึกสงสารถ้าจะมีโอเมก้าสักคนได้กลิ่นมัน “ฉันจะให้คนไปส่งนายที่เดรสโรซ่า แต่คงต้องแวะที่อลาบาสต้าก่อน หวังว่านายจะไม่มีธุระเร่งด่วนอะไร?”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันคิดว่าจะมาอลาบาสต้าอยู่แล้วยังไม่ได้รีบกลับอะไร”
โดฟลามิงโก้ตอบกลับนุ่มนวล ยังคงพยายามเร่งฟีโรโมนของตัวเองขึ้น หวังจะได้เห็นปฏิกิริยาอะไรก็ตามจากโอเมก้าสาวที่ทำเพียงจ้องเขาอยู่อย่างนั้น
คร็อกโคไดล์พยักหน้ารับเข้าใจ ก็อาจเป็นได้เพราะตอนที่พวกเราเจอกันโดฟลามิงโก้ก็อยู่ที่อลาบาสต้า แถมถ้าขึ้นทางด่วนที่เพิ่งสร้างขึ้นไม่นานมานี้ อลาบาสต้ากับเดรสโรซ่าก็ไม่ได้ไกลกันอีกต่อไปแล้วด้วย
โอเมก้าสาวไม่ต่อความอะไรอีกนอกจากขยับขาเปลี่ยนท่าไขว่ห้าง เรียกให้อัลฟ่าหนุ่มที่แอบจดๆจ้องๆกระโปรงสั้นเหนือเข่าทรงเอสีดำผ่าข้างพอเป็นพิธีอยู่นั้น กลืนนํ้าลายลงคอเสียอึกใหญ่ เมื่อเรียวขาน่าสัมผัสอยู่ภายใต้ถุงน่องเนื้อบางสีดำอวดสัดส่วนเช่นนี้ โดฟลามิงโก้ก็จินตนาการไปถึงตอนที่ส้นสูงของอีกฝ่ายเหยียบเขาเอาไว้…
“อัลฟ่า เลิกปล่อยกลิ่นน่ารำคาญออกมาสักที ถ้าจะโดยสารฮอล์คนอื่นก็ช่วยเกรงใจกันสักหน่อยเถอะ” ในที่สุดมาดามคนสวยก็ออกปากพูด เธอไม่ได้รู้สึกหวั่งเกรงหรือร้อนลุ่มไปกับกลิ่นนั้น แต่มันกำลังทำให้เธอหงุดหงิดราวกับถูกข่มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ราชินีคนสวยเกลียดมากที่สุด…
“คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม?” อัลฟ่าที่ไม่ลดกลิ่นของตัวเองลงเลยเริ่มหัวข้อสนทนา
“ไม่รู้สินะ ถ้าเป็นโซลเมทละก็คงจะเชื่ออยู่หรอก เพราะสายสัมพันธ์ระหว่างคู่แห่งโชคชะตา มันเป็นของจริงนี่หน่า แต่ว่า…”
เรือนร่างน่าสัมผัสขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม เรียวขาข้างหนึ่งแทรกเข้าที่กลางระหว่างขาสองข้างของอัลฟ่าตัวโต มือเรียวข้างขวาเท้าไปที่พนักเก้าอี้ ส่วนมือซ้ายที่สวมถุงมือหนังก็เชยปลายคางอีกฝ่ายให้เงยขึ้นสบตากันในระยะประชิดที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้ากันและกัน สบตากันนิ่งจนกระทั่งคร็อกโคไดล์เลิกแว่นตาสีเจ็บของอีกฝ่ายไปทัดบนหัวของเจ้าของ เพื่อให้ได้สบตากันโดยตรง
“เห็นไหม…พวกเราไม่ใช่โซลเมท แล้วนายคิดจริงๆหรออัลฟ่า ว่านายจะจีบฉันติด?” คำพูดเจ็บแสบทำให้เพลย์บอยหนุ่มชะงักไปได้เพียงครู่ ก่อนที่มือใหญ่จะไล้ขึ้นไปตามเรียวขายาว และไปหยุดที่สะโพกกลมกลึง “นอกจากเรื่องบนเตียง นายจะทำให้โอเมก้าพอใจได้อีกงั้นหรอ?”
“แล้วทำไมไม่ให้โอกาสฉันลองหน่อยล่ะ?” โดฟลามิงโก้ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่กดท้ายทอยที่ปรกด้วยเรือนผมสีดำลงมาใกล้ หน้าผากของคนทั้งคู่แนบสนิทกัน เหมือนกับปลายจมูก
และในเมื่อระยะห่างมันแสนน้อยนิด ริมฝีปากอิ่มแสนสวยก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากบางได้อย่างไม่ยากเย็น
ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพลงปาก ดูดดุนไล้เลียซุกซน กวาดหาความหอมหวานหยอกล้อเรียวลิ้นเล็กที่จูบตอบรับอย่างไม่ขัดขืน ให้อัลฟ่าตัวใหญ่ได้ใจขยับมือนวดคลึงสะโพกที่จับไว้อย่างเร่าร้อน มืออีกข้างทำท่าจะลากหายเข้าไปในสาบเสื้อกั๊กสีดำคลับเน้นทรวดทรงของอีกฝ่าย ทว่ามือเรียวสวยก็จับมือของเขาห้ามปรามเอาไว้อย่างรู้ทัน
ทั้งสองคนผละจากกันอย่างที่โดฟลามิงโก้รู้สึกเสียอกเสียดาย และไม่วายมองตามหยาดนํ้าเฉอะเเฉะที่ไหลรินอยู่ที่ปลายคางเรียวสวย
นัยน์ตาดุเหมือนจระเข้จ้องมาอย่างเอาเรื่อง เรียวลิ้นเล็กเลียมุมปากของตนเล็กน้อย ยกมือขึ้นปาดของเหลวสีใสด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้คล้ายจะขอจูบอีกครั้งให้นกหนุ่มนึกกระหยิ่มในใจ
“นี่ไง นายทำเป็นแค่เซ็กส์” สิ้นเสียง มาดามคนสวยก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตนอีกครั้ง หยิบซิการ์มวนเดิมที่วางพักไว้ขึ้นสูบอีกครั้ง ด้วยท่าทีของผู้ชนะ
หลังจากเหตุการณ์นั้น โดฟลามิงโก้ก็ยังคงไม่ละความพยายาม กระทั่งคนทั้งหมดกลับมาถึงอลาบาสต้าและแยกย้ายกันไปแล้ว นกหนุ่มก็ยังแวะเวียนมาหามาดามคนสวยบ่อยครั้งจนอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวไม่มีงานทำหรืออย่างไร
และมันบ่อยมากจริงๆขนาดที่โอเมก้าในบริษัทบาล็อกเวิร์กที่เคยตกใจกับกลิ่นอัลฟ่ามีอำนาจชาชินไป หลังๆถึงกับมาเปิดประตูให้ด้วยซํ้า
โดฟลามิงโก้เองก็ทำตัวเป็นอัลฟ่าสงบเสงี่ยมไม่สร้างปัญหาอะไรนอกจากเข้าไปหาประธานสาวแล้วขลุกอยู่ในห้องทำงานของเธอทั้งวัน ไม่หวั่นแม้จะถูกมาดามคนสวยเมินใส่หรือกดสายตามองตํ่าเหยียดหยาม ซึ่งวันเวลาเหล่านั้นก็ดำเนินติดต่อกันมาถึงสองเดือนเศษๆแล้ว
บางครั้งเหล่าพนักงานที่มองมาก็รู้สึกเห็นใจอัลฟ่าสูงศักดิ์อย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่น่ามาตกหลุมรักโอเมก้าอย่างมาดามคร็อกโคไดล์เลย…ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดี เพียงแต่เธอเข้าถึงยาก ยิ่งกับอัลฟ่าแล้วก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ทุกคนจึงทำได้แต่เพียงมองส่งกำลังใจผ่านสายตาให้คนที่ถูกปฏิเสธดินเนอร์อีกแล้ว อย่างเข้าอกเข้าใจ
“เลิกตื้อสักทีได้ไหม นายไม่มีงานทำรึไงมาคอยตามฉันต้อยๆได้ทุกวี่ทุกวันเนี่ย” ความอดทนมีจำกัด และเมื่อเวลาล่วงเข้ามาถึงเดือนที่สี่ที่ถูกตามตื้อ เสียงบ่นที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆก็ถูกส่งมาให้คนที่ถือช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ในอ้อมแขน
“แน่นอนว่ามี แต่เพื่อคุณฉันว่างเสมอนั่นแหละ” รอยยิ้มระรื่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย
หญิงสาวถอนหายใจยาว มือเรียวโบกสั่งให้ดัซที่มายืนรออยู่แล้วรับดอกไม้ช่อใหญ่ไปจัดแจงใส่แจกัน ปล่อยให้อัลฟ่าขี้ตื้อบางคนได้มีเวลาส่วนตัวเกาะแกะโอเมก้าขี้รำคาญบางคนได้ในที่สุด
มือเรียวยกขึ้นนวดขมับ ในขณะที่เอนกายพิงพนักเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ยกขาไขว่ห้าง คาบซิการ์ไว้มุมปากอ่านเอกสารในมือพยายามไม่สนใจคนตัวใหญ่ที่อ้อมโต๊ะทำงานมายืนซ้อนที่ด้านหลัง
“วันนี้ว่างไหมครับ ไปดินเนอร์กันนะ” คำถามเดิมๆที่ส่งมาให้ทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน อาทิตย์ละหนึ่งหรือสองครั้ง และคร็อกโคไดล์เหนื่อยที่จะปฏิเสธแล้ว…
“…ได้ คืนนี้ฉันว่าง…” คำตอบเหนื่อยหน่ายใจมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจและควันซิการ์
“จริงนะ!! หมายถึง เยี่ยมไปเลย…เอ่อ จะเลือกร้านไหม หรือจะให้ฉันเลือกดี อยากไปทานที่ไหนกันดีอลาบาสต้าหรือเดรสโรซ่า จริงๆก็ต้องที่อลาบาสต้าสิเนอะ เพราะมันจะสะดวกคุณมากกว่า…แต่ถ้าครั้งหน้า ถะ…ถ้ามีครั้งหน้า ก็อยากให้ไปลองนั่งร้านอาหารที่เดรสโรซ่าบ้าง ที่นั่นบรรยากาศดีสุดๆเล…” โดฟลามิงโก้ที่ดีอกดีใจออกนอกหน้า พรํ่าพูดสิ่งที่คิดในใจออกมาเสียหมดเปลือก สีหน้ามีความสุขที่ดูจริงใจกว่าทุกทีทำให้มาดามสาวเลิกคิ้ว
ท่าทางลนลานแบบนั้นทำให้มาดามคนสวยยกยิ้มจ้องอย่างนึกเอ็นดู จนคนที่รู้สึกตัวว่าถูกจ้องชะงักไป ใบหน้าคมคายเห่อแดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบกระแอมกระไอหันหน้าไปทางอื่นรักษาฟอร์ม
“หึๆ ไปที่เดรสโรซ่าก็ได้ พรุ่งนี้วันเสาร์” มาดามสาวลงให้อีกหน่อย ก็ได้เห็นสีหน้าดีใจออกหน้าออกตาของอีกฝ่ายอีกครั้ง เหมือนกำลังเลี้ยงลูกหมาไม่มีผิด “เพราะงั้นไปได้แล้ว ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ”
“ครับผม!!”
21.49 น.
ถึงจะไม่ได้นัดเวลาจริงจัง แต่สามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่มแบบนี้ คร็อกโคไดล์ก็คิดว่ามันออกจะเลทไปหน่อย มาดามสาวหงุดหงิดตั้งแต่การล่าช้าในห้องประชุมกระทั่งหลังจบการประชุมแล้ว มิหนำซํ้ายังออกมาแล้วรับรู้ได้ว่าฝนตกหนักมาพักใหญ่แบบไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเลย เธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย
ผิดนัดไปเสียแล้ว…
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจคนที่เร่งสวมโอเวอร์โค้ทไปพลางเดินไปที่ลิฟต์ไปพลาง
ถ้าบอกว่าไม่แคร์อีกฝ่ายที่มาตามตื้อทุกวันๆเลย ก็เห็นจะเป็นการโกหกคำโตไปเสียหน่อย เพราะที่ยังปล่อยให้อีกฝ่ายมาเกาะแกะอยู่แบบนี้เพราะใจหนึ่งก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนแรกก็แค่อยากเห็นอัลฟ่าสูงศักดิ์เดินตามจีบโอเมก้าสักคนต้อยๆ อยากทดสอบว่าอัลฟ่าฟีโรโมนแรงคนนั้นจะมีความอดทนมากแค่ไหน ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้เลยที่ตามตื้อเธอได้นานขนาดนี้ ถ้าเป็นอัลฟ่าคนอื่นๆที่ผ่านมา ท้ายที่สุดแล้วศักดิ์ศรีและอีโก้ของชนขั้นปกครองก็จะบีบให้เจ้าตัวเดินจากไป ทั้งที่บ้างครั้งอีกแค่นิดเดียว…อีกแค่นิดเดียวก็จะเข้าถึงตัวเธอแล้วแท้ๆ…
ลิฟต์ตัวใหญ่ดูเคลื่อนตัวช้ากว่าทุกวัน และในที่สุดมันก็มาจอดที่ชั้นล่างสุดจนได้ หญิงสาวก้าวเท้าเร็วๆออกไปด้านนอก รับร่มจากเลขาฯสาวที่บอกให้เธอกลับบ้านดีๆเหมือนทุกวัน และออกมายืนด้านนอกในที่สุด
แสงไฟจากตึกข้างเคียงทยอยปิดตัวลง เหลือเพียงโคมไฟทั้งสองจากหน้าบริษัทของเธอเองที่ยังพอให้มองเห็นในความมืดได้บ้าง
ไม่น่าแปลกที่ทุกๆที่จะมืดไปหมดแบบนี้ เพราะตึกและอาคารสำนักงานในระแวกนี้ทั้งหมดก็คือบาล็อกเวิร์ก และเพราะพนักงานส่งนใหญ่เป็นโอเมก้า เวลาเลิกงานจึงรวดเร็วกว่าบริษัทอื่นๆ และไม่มีนโยบายให้โอเมก้าทำงานล่วงเวลาในทุกๆกรณี
ตอนนี้จึงเหลือเพียงตัวเธอและความมืดอันเงียบงั้นเท่านั้น…
มาดามสาวทรุดกายลงนั่งยองเข่ากับพื้น ซบหน้าลงกับฝ่ามือที่ซุกอยู่กับเข่า…หมอนั่นเองก็คงจะไปแล้ว เหมือนกับคนอื่นๆที่ผ่านมา…และครั้งนี้ เธอก็พลาดเอง…ผิดเองเต็มประตูเลย…
จู่ๆราชินีโอเมก้าก็หมดแรงลงเสียดื้อๆ ความเจ็บแปล๊บแล้นลึกในอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปท่ามกลางสายฝนไม่สนใจจะกางร่มอีกแล้ว
ราชินีแห่งเมืองท่าทะเลทรายเกลียดฝน เพราะทุกครั้งที่มันร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า มีแต่จะนำพาเรื่องเศร้าๆมาให้ แต่มันก็น่ายินดีที่อย่างน้อยเมืองทะเลทรายแห้งเเล้งเเห่งนี้ จะได้มีสายนํ้าลงมาให้ชุ่มฉํ่าบ้าง
ใบหน้างดงามเงยขึ้นรับสายฝนนิ่งเพียงพักหนึ่ง ก่อนจะรับรู้ได้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกหยดนํ้าร่วงหล่นใส่ร่างกายอีกต่อไป ภาพท้องฟ้าที่คิดว่าจะได้เห็นยามเปิดตาก็กลายเป็นใบหน้ากังวลของอัลฟ่าหน้าเป็นแทน
“อะ…”
“ทำไมมาเดินตามฝนแบบนี้ละ โกรธที่ฉันมาช้ารึเปล่า…ขอโทษนะครับ พอดีเห็นว่าคุณยังประชุมไม่เสร็จก็เลยแวะไปซื้อกาแฟ คุณโอเครึเปล่า?” เจ้าของมือใหญ่ที่ถือร่มเอาไว้เอ่ยนํ้าเสียงเป็นห่วงเป็นใย ใบหน้าร้อนลน และกลิ่นอัลฟ่าคุ้นเคย
“อัล…ฟ่า…” มือเรียวเอื้อมออกไปสัมผัสคอเสื้อนอกสีเจ็บของอีกฝ่าย
ก่อนกระชากร่างสูงใหญ่ลงมากอดแน่น ฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง ตะคอกออกมาเสียงสั่นเครือ
“มาช้า!! อัลฟ่า!!…นายมาช้า…” นํ้าเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนของมาดามคนสวยทำให้อัลฟ่าหนุ่มไปไม่เป็น อกเขาเปียกชุ่มจากสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าเป็นนํ้าฝนหรืออย่างอื่น
สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยับแขนเก้กังข้างที่ว่างโอบกอดร่างบางสั่นเครือของคร็อกโคไดล์ไว้
“นึกว่า…จะหนีไปแล้ว…” ใบหน้าสะสวยเปียกชื่นจนเครื่องสำอางเลอะเทอะหมดมาด เงยขึ้นส่งนัยน์ตาสีอำพันสั่นระริกสบกับคนที่มองลงมาก่อนนิ่ง
โดฟลามิงโก้กระพริบตาปริบหลายครั้ง ก่อนจะเริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น มือหยาบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเครื่องสำอางให้ราชินีของเขาอ่อนโยน แผ่วเบา
“ไม่ไปไหนหรอก ฉันชอบคุณนี่หน่า”
ใบหน้าสะสวยเอียงซบฝ่ามือใหญ่ ก่อนเอื้อมมือขึ้นไปถอดแว่นตาสีเจ็บของอีกฝ่ายออก สบตากันตรงไปตรงมา ในนัยน์ตาสีโทนร้อนสวยคู่นั้นสื่อทุกสิ่งในใจออกมาไม่ปิดบัง
“แล้วคุณ…ชอบฉันบ้างรึเปล่า?”
“ไม่ชอบหรอกอัลฟ่า!” เสียงหวานตอบกลับทันควัน “ยังเร็วไปย่ะ”
“แปลว่าถ้าชวนไปดินเนอร์อีก จะไม่ปฏิเสธกันแล้วใช่ไหมนะ?” นํ้าเสียงขี้เล่นเอ่ยหยอกเย้า
ไม่ปฏิเสธเมื่อแขนเรียวโน้มร่างของตนลง ลดระยะห่างระหว่างกันลงเชื่องช้าอ้อยอิ่ง
“ถ้าไม่ติดงานละก็นะ…”
เสียงหวานพึมพำตอบ ก่อนที่ระยะห่างที่ขวางกันทั้งสองคนเอาไว้จะหดหายไป
ถ้าใครสักคนบังเอิญเดินผ่านหน้าบริษัทในเวลานี้ พวกเขาก็คงจะได้เห็นภาพโอเมก้าสาวแสนหยิ่ง กำลังจูบดูดดื่มอยู่กับอัลฟ่านักธุรกิจหนุ่มเพลย์บอย ท่ามกลางสายฝนที่มีร่มคันใหญ่เป็นแบล็กกราว์น
………………………………….
“เป็นอะไรไปอัลฟ่า กลัวงั้นหรอ?” หญิงสาวคนสวยในชุดคลุมยาวกันหนาวสีดำเอ่ยขึ้นกับบุรุษตัวสูงใหญ่ที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า ‘คนรัก’ ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน
“ไม่แน่นอน แค่เตรียมตัวอยู่น่า” คนที่ยังสวมเสื้อผ้าฉีกทุกกฎแฟชั่นเอ่ยขึ้นมาดมั่น ด้วยขาที่สั่นเล็กน้อย
“มาน่าพ่อหนูตัวใหญ่ จับมือฉันแล้วมันจะโอเค” มือเรียวที่สวมถุงมือหนังสีดำเพียงที่มือซ้ายยื่นออกมาหาเขา
เด็กโข่งพึมพำให้กำลังใจตัวเองในใจก่อนจะเอื้อมมือไปจับกับคนรัก สไลด์ทรงตัวบนรองเท้าที่เสริมเหล็กอยู่ข้างใต้ ทรงตัวบนพื้นนํ้าแข็งอย่างเก้กัง เรียกเสียงหัวเราะจากสาวใหญ่ได้เป็นอย่างดี
“โถ่ นายน้อยดอนฆีโฮเต้เล่นสเก็ตไม่เป็น เหลือเชื่อเลยนะเนี่ย” มาดามสาวไม่ถือสามือใหญ่ที่โอบรอบเอวเธอเอาไว้ ขยับขาสไลด์ไปตามพื้นนํ้าเเข็งช้าๆ
“แหม บางทีเรื่องบางอย่างก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้นะ ว่าแต่คุณเถอะอยู่เมืองท่าทะเลทราย แล้วทำไมเล่นมาเล่นกีฬาเมืองหนาวแบบนี้ล่ะครับ” คนตัวใหญ่พยายามทรงตัวบนนํ้าแข็งลื่นๆ ขยับกายไปตามจังหวะที่หญิงสาวนำเขาอย่างอ้อยอิ่ง
คร็อกโคไดล์ไม่ตอบอะไรนอกจากหยิบซิการ์ออกมาจุดสูบ เป็นที่รู้กันว่าคำถามไหนที่อีกฝ่ายไม่สะดวกใจตอบ หรือไม่เห็นความสำคัญว่าต้องตอบ โอเมก้าคนสวยก็จะหยิบซิการ์ขึ้นสูบตัดบท
“แต่ก่อนตาแก่ชอบพามา…” น่าแปลกที่ครั้งนี้มาดามคนสวยยอมเอ่ยปากเล่า
โดฟลามิงโก้เลิกคิ้วทำสีหน้าสนอกสนใจ ไม่บ่อยนักที่ราชินีในหมู่โอเมก้าคนนี้จะเล่าเรื่องอดีตของตนเอง
เสียงหัวเราะประจำตัวเย็นๆดังขึ้นจากสาวสวย เพราะท่าทีสนใจที่แสดงออกผ่านสีหน้าอีกฝ่ายได้ชันเจนนั้น นัยน์ตาสีโทนร้อนเหม่อมองไปยังลานสเก็ตโล่งร้างผู้คน นึกย้อนไปถึงวันวานในอดีต
ขาเรียวขยับนำอีกครั้งด้วยจังหวะราวกับเต้นรำ โดฟลามิงโก้ขยับตามเก้กังครู่หนึ่งก่อนจะพลิกขึ้นเป็นฝ่ายนำได้ไม่เสียชื่ออัลฟ่าตระกูลขุนนาง
“สมัยก่อนฉันเป็นโอเมก้าเลือดร้อน และคิดว่าตัวเองจะสามารถเปลี่ยนให้โลกนี้ดีขึ้นกว่านี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ด้วยการแสดงให้อัลฟ่าเห็นว่าโอเมก้าเองก็มีความสามารถ ไม่ได้อ่อนแอ ไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องอ้อนวอนและยอมสยบอยู่ข้างใต้ใคร ซึ่งตอนนั้นยอมรับเลยว่ามันเป็นความคิดที่โง่มาก…” เสียงนุ่มเล่าเนิบนาบน่าฟัง
มือใหญ่จับมือเรียวขาวที่ปลายนิ้วแดงเพราะความเย็นไว้อย่างทะนุถนอม ส่วนมืออีกข้างก็ประคองเอวสอบเพรียวเอาไว้ ขยับกายเต้นรำตามบทเพลงคลาสสิกที่เล่นอยู่ในหัว รับฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายไปด้วยอย่างตั้งใจ
“เพราะสุดท้ายฉันก็ได้รู้…แค่พลังใจอย่างเดียวเอาชนะอัลฟ่าไม่ได้ และฉันเอาชนะอัลฟ่าไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ฉันไปหาเรื่องอัลฟ่าตาแก่ก็จะพาฉันมาดัดนิสัยที่ลานนํ้าแข็งนี่ ฉันเกลียดความหนาวพอๆกับฝนเลยล่ะ หึๆ” มาดามคนสวยเอียงใบหน้าลงซบท่อนแขนใหญ่ ให้อัลฟ่าหนุ่มใจเต้นเล่นๆ “แต่มันก็ทำให้ฉันตาสว่างนะ เพราะงั้นตอนนี้ก็คงไม่ถึงกับเกลียดเสียทีเดียว”
“จะเสียมารยาทไปไหมถ้าฉันจะถามต่อ ว่าทำไมคุณถึงมีรอยแผลเป็นใหญ่ๆนั่นกับชอบสวมถุงมือหนัง…มันเกี่ยวข้องกันใช่ไหม?” เมื่อได้โอกาส อัลฟ่าหนุ่มก็เลือกที่จะคว้ามันเอาไว้ และถามต่อถึงความสงสัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเห็นหน้า
“เล่นถามแบบนี้จะเกริ่นทำไมว่าเสียมารยาทรึเปล่า…” คร็อกโคไดล์เหน็บกลับไม่จริงจัง “แต่วันนี้ฉันอารมณ์ดี จะเล่าให้ฟังก็ได้”
อัลฟ่าหน้าเป็นร้องเยสในใจดังลั่น เขาค่อยๆรู้สึกเหมือนได้ทำความรู้จักคนตรงหน้ามากขึ้น ลดระยะห่างของคนแปลกหน้าลงแม้จะเป็นคนรักกันอย่างเปิดเผย แต่เขาก็อยากจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของคนตรงหน้าเขา
“ตาแก่เป็นคนทิ้งเอาไว้…” เรียวปากสวยขยับเชิดขึ้นพ่นควันซิการ์ “เขาบอกว่าจะปลอดภัยกว่าถ้ามีมัน”
มือที่จับไหล่กว้างของโดฟลามิงโก้เอาไว้ขยับมาแตะรอยแผลเป็นที่จะไม่มีวันจางหายไปตามกาลเวลา สีหน้าของมาดามสาวประดับด้วยรอยยิ้มบางไม่แสดงอารมณ์แฝง
“ตอนนั้นเจ็บสุดๆไปเลยล่ะ สมกับเป็นสี่จักรพรรดิละนะ ไม่ลังเลแม้แต่กับโอเมก้าตัวเล็กๆ ส่วนมือนี่ก็…” มือเรียวขยับถอดถุงมือหนังออก ไม่มีอะไรผิดปกติอยู่บนฝ่ามือเรียวสวยนั้น นอกจากรอยแผลเล็กๆที่จางจนแทบมองไม่เห็นที่ข้อมือ “ฉันยกมือขึ้นกัน…ทวนของตาแก่คมมาก มันตัดเส้นเอ็นข้อมือไปด้วย ยังดีที่ยังมีทีมแพทย์มาดูแล ใช้ได้ไม่ดีเหมือนก่อน แต่ยังไงมือซ้ายก็ไม่ได้ใช้อะไรมากอยู่แล้ว”
“ขอโทษ ฉันไม่น่าถามเรื่อง…”
“ถ้าฉันตอบก็หมายความว่ามันไม่เป็นไร ฉันโอเคกับเรื่องนี้อย่าทำหน้าแบบนั้น” มือเรียวย้ายมากุมใบหน้าคมคายที่ดูสลดลงตามนํ้าเสียง แย้มรอยยิ้มแต่งแต้มที่มุมปากสีสดอ่อนโยน
ต่อหน้าราชินีแห่งเหล่าโอเมก้าผู้เป็นผู้ใหญ่คนนี้ อัลฟ่าหนุ่มก็รู้สึกราวกับตนเองเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสีประสาอ่อนต่อโลก และต้องการการปลอบประโลมตลอดเวลา
และถึงแม้มันจะขัดกับสัญชาตญาณของตนมากเท่าไร โดฟลามิงโก้กลับรู้สึกสบายใจ เมื่อได้รับการโอ๋จากหญิงสาวตรงหน้ามากเหลือเกิน
รอยแผลเป็นเด่นชัดนั้นจะช่วยให้อัลฟ่าไม่เข้าใกล้เธอ โดฟลามิงโก้คิดว่านั่นเป็นเหตุผลของหนวดขาว อาจจะรุนแรงไปหน่อยแต่ก็เด็ดขาดในแบบของเขา ซึ่งโดฟลามิงโก้จะไม่ตัดสินว่ามันถูกหรือผิด เพียงแต่แค่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กๆจะต้องถูกประดับด้วยรอยแผลเป็นแบบนี้ ตัวเขาก็อดรู้สึกโกรธขึ้นมาเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่ารอยแผลเป็นนั่นทำให้มาดามคนสวยของเขาเซ็กซี่มากกว่าเดิมก็ตาม
แต่พอคิดอีกทีถ้าเป็นเขา ก็อาจจะเลือกทางนี้เหมือนกันก็ได้…
“ไม่รู้นะว่าในหัวพวกอัลฟ่าคิดอะไรกันอยู่” หญิงสาวหัวเราะในลำคอตบท้าย เตรียมจะสวมถุงมือหนังกลับเข้าที่ๆของมัน รู้สึกไม่ชินเล็กน้อยที่มือซ้ายไม่มีอะไรสวมเอาไว้
ทว่ามือหยาบใหญ่กลับคว้ามือข้างนั้นของเธอไว้ ยกสูงขึ้นแนบริมฝีปากลงไปบนรอยแผลจางๆนั้นแผ่วเบา
“ถ้าฉันเป็นเขาก็คงทำอย่างเดียวกัน” รอยยิ้มของโจ๊กเกอร์ยกขึ้นประดับใบหน้าคม “ก็คุณสวยมากขนาดนั้นนี่หน่า ถ้าไม่ระวังละก็พวกอัลฟ่าก็คงรุมทึ้งคุณจริงๆแน่”
ร่างสูงโน้มลงมาใกล้ มืออีกข้างโอบเอวสอบเข้ามาประชิดจนไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างกัน หน้าผากของทั้งสองแนบชิดกัน ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าของอีกฝ่าย
“แต่ฉันว่ารอยแผลเป็นนั่นยิ่งทำให้คุณเซ็กซี่เข้าไปอีกนะ” คนตัวใหญ่หัวเราะตบท้ายเมื่อได้เห็นสายตาของคนตาดุ
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันอัลฟ่า ทำตัวดีหวังผลอยู่รึเปล่า? พ่อเพลย์บอย” ราชินีคนสวยไม่ได้ขัดเมื่อเรียวปากบางพรมจูบไปทั่วมือของตน
“แล้วถ้าจะขอรางวัลมาดามคร็อกโคไดล์จะให้ฉันไหมนะ?”
คนสวยกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้เรียวปากอุ่นไล่จูบจากปลายนิ้วไปจรดที่ข้อมือ กระทั่ง…
“อ๊ะ…” มาดามคนสวยอุทานแผ่วเบา เมื่อโดฟลามิงโก้แทนที่จูบของตนด้วยเขี้ยวคมของอัลฟ่า
ความเจ็บปวดที่ไม่คิดว่าจะได้รับแผ่ซ่านจากจุดที่ถูกกัด เขี้ยวขาวฝั่งลึกจนได้รสเลือด ก่อนจะยอมผละจากไป รอยคมเขี้ยวที่มีเลือดไหลซิบปรากฏให้เห็นบริเวณข้อมือที่เหนือไปจากถุงมือหนัง มาดามคนสวยขมวดคิ้วมุ่นในทันที
“แค่อยากทิ้งสัญญาลักษณ์เอาไว้ ตอนที่ฉันไม่อยู่อัลฟ่าน่ารำคาญตัวอื่นจะไม่ไม่เข้ามาอ้อล้อคุณ” ลิ้นยาวลากไล้ตวัดกลืนเลือดกลิ่นเย้ายวนไม่ให้เปรอะแขนเสื้อโค้ทราคาแพง
“อัลฟ่า…” เสียงดุเอ่ยเรียกติดไปทางไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ชอบคนขี้หวง”
“ก็คุณน่าหวง หมายถึงฉัน…ขะ…ขอโทษ คุณเจ็บรึเปล่า” เจอคนสวยเชิดใส่ คนที่ทำตัวหวงออกหน้าออกตาก็สลดลงกลับไปเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายอย่างที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
สำหรับอีกฝ่ายเขาก็อาจจะเป็นแค่หนึ่งในอัลฟ่าที่น่ารำคาญ แต่สำหรับเขาเธอเป็นคนที่ไม่สามารถเสียไปได้อีกแล้ว…อัลฟ่าหนุ่มกล้าพูดเลยว่าเขา ‘รัก’ เธอมาก และพยายามทำทุกอย่างให้เธอมองเห็นความรู้สึกของเขา ซึ่งนั่นไม่ง่ายเลย เขาดูไม่ออกด้วยซํ้าว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่…เขาอยากมอบรอยแห่งคู่ครองไว้ที่หลังคออีกฝ่าย อวดให้อัลฟ่าทั่วโลกได้รู้ว่าเธอเป็นคนของเขาแล้ว
ทั้งที่เขาออกอาการขนาดนี้ แต่มาดามคนสวยที่กำลังสวมถุงมือกลับไปที่เดิมนั้น กลับนิ่งเฉยราวกับไม่ใส่ใจกันเลย…แม้แต่ชื่อ คร็อกโคไดล์ก็ไม่เคยเรียกให้เขาได้ยินเลยสักครั้ง หรือบางที…แค่เป็นอัลฟ่า แค่เป็นอัลฟ่าที่มีกลิ่นแข็งแกร่ง มีฟีโรโมนแรงกล้าและพร้อมจะเป็นหมอนเป็นเตียงให้เธอยามเข้าฤดู แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
” ‘โดฟลามิงโก้’ ” แล้วทุกความคิดน้อยใจก็หยุดชะงัก
ยามเมื่อราชินีสาวแห่งเมืองท่าทะเลทรายเอ่ยชื่อของเขาออกมาเป็นครั้งแรก พร้อมแขนเรียวที่โน้มร่างของเขาลงมาประกบจูบ ร่างกายของเขาร้อนลุ่มไปหมดแค่เพียงนํ้าเสียงที่เขาหลงใหลเอ่ยเรียกชื่อ และตบท้ายด้วยจูบเร่าร้อนแบบผู้ใหญ่
“ดูสิ อันตรายจริงๆ แค่เรียกชื่อนายก็เป็นขนาดนี่แล้วนะ” มาดามคนสวยงับริมฝีปากบางเล็กน้อยขณะผละจากกัน เรียกให้คนตัวใหญ่อยากประกบจูบอีกครั้ง แต่ก็โดนนิ้วเรียวห้ามไว้ “เป็นอัลฟ่าเพลย์บอยจริงๆด้วย หึๆ”
มือเรียวขยับลงตํ่าลูบไล้จุดอันตรายที่กระตุกตอบรับสัมผัสอุ่นรู้งาน ทว่ากลับเติมเต็มความรวดร้าวให้อัลฟ่าหนุ่มที่จำต้องกัดฟันอดทน ในหัวจินตนาการแต่ภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายที่บิดเร้า ร้องเรียกชื่อเขา
“คิดเรื่องลามกอยู่สิท่า ทำหน้าเหมือนหมาป่าเลยนะ”
โดฟลามิงโก้เริ่มคิดว่าที่คร็อกโคไดล์ไม่เรียกชื่อเขาตรงๆถือเป็นเรื่องที่ดี…
มือเรียวกดสัมผัสหนักขึ้นสลับกับลูบไล้แผ่วเบา ทรมานอัลฟ่าหน้าเป็นที่ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่ายึดเอวของเธอเอาไว้ แอบหัวเราะแผ่วเบาและยอมเลิกแกล้งอีกฝ่ายเมื่อพึงพอใจแล้ว
“คุณนี่มัน…” นกหนุ่มงึมงำ “ใครกันแน่ที่อันตราย…”
“งั้นหรอ? ถ้างั้นนายก็กำลังเล่นกับ ‘อันตราย’ อยู่นะ” มาดามคนสวยถอดแว่นของโดฟลามิงโก้ออกอีกครั้ง เธอชอบเสมอเมื่อได้สบกับดวงตาสีโทนเย็นคู่นี้ “แต่รู้ใช่ไหมว่าตั้งแต่วินาทีที่นายก้าวเข้ามายืนในจุดนี้ ก็ไม่เหลือโอกาสให้ถอยกลับอีกแล้ว”
คำบอกรักอ้อมโลกเรียกรอยยิ้มจากอัลฟ่าหน้าเป็น เขาแนบหน้าผากลงกับหน้าผากอีกฝ่ายอีกครั้ง รู้สึกราวกับหลงอยู่ในกับดักแสนน่าหลงใหล และยอมที่จะจมดิ่งลงไปโดยไม่ย้อนกลับ
ทำไมถึงได้น่ารักได้ขนาดนี้กันนะ…?
“ฉันไม่เคยคิดจะออกมาเลยล่ะ”
“พูดจาดีนะอัลฟ่า แล้ววันหลังจะตบรางวัลให้” มือเรียวตบแก้มสากอีกสามสองครั้ง ก่อนผละจาก ร่างบางสะโอดสะองวาดขาเรียวสไลด์ไปกับลานสเก็ต
“เดี๋ยวสิ แล้วจะทิ้ง…ไว้แบบนี้หรอ?” โดฟลามิงโก้ออกสไลด์ตัวตาม ลืมไปเลยว่าตัวเองเพิ่งจะเคยเล่นมันเป็นครั้งแรก ทวงถามถึงสิ่งที่ถูกทำให้ค้างเอาไว้อย่างร้ายกาจ
“แน่นอนอัลฟ่า บทลงโทษที่กัด”
แล้วมาดามคนสวยก็สไลด์ตัวไปไกลอีกครั้งอย่างสง่างาม…
……………………………………………
เวลาไหลเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีช่วงสามเดือนอันตรายก็วนกลับมาอีกแล้ว
คร็อกโคไดล์เคลียด์งานจนหัวหมุน ปฏิเสธนัดของโดฟลามิงโก้มาจนไม่ได้เห็นหน้ากันมาก็เกือบเดือนแล้ว และอย่างน้อยๆการที่ทำอย่างนั้น ก็ทำให้งานของเธอลุล่วงไปได้ทันอย่างเฉียดฉิว
ในที่สุดวันนี้มาดามคนสวยก็ติดต่อไปหาพ่ออัลฟ่าหน้าเป็นได้ในที่สุด ทว่ากลับต้องประหลาดใจเมื่อได้พบว่าอีกฝ่ายกลายเป็นคนไม่ว่างเสียเอง
‘ขอโทษนะครับ งานใหญ่เข้ามาจริงๆ…คุณไปหาหนวดขาวก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง’
นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนโดนตัดสายไป และก่อนที่คร็อกโคไดล์จะมานั่งจุดซิการ์สูบเหม่อมองออกไปนอกฮอล์ส่วนตัวแบบนี้
เพราะอีกฝ่ายมักหาเวลาว่างมาหาเธอเสมอ จนบางครั้งเธอก็เกือบลืมไปแล้วว่า อัลฟ่าหนุ่มเป็นผู้นำดอนฆีโฮเต้แฟมิลี่รุ่นปัจจุบันที่งานล้นมือ รู้สึกเคยชินจนกลายเป็นเคยตัวไปแล้วที่ข้างกายจะต้องมีนกตัวใหญ่อยู่ข้างๆ
พอต้องมาอยู่คนเดียวในช่วงที่ฟีโรโมนทำให้อารมณ์อ่อนไหวแปรปรวนที่สุด ราชินีสาวก็ยอมรับโดยดุสดีว่ากำลังเหงาอยู่
เปลือกตาบางปรือปิดลงกลบความเหนื่อยล้า อีกไม่นานเธอก็จะไปถึงที่หมาย ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรที่มากมายไปกว่านั้น
แล้วเรื่องประหลาดใจก็เกิดขึ้นอีกครั้งทันทีที่ขาเรียวยาวก้าวลงจากฮอล์ เมื่อคนที่บอกติดงานมายืนถือช่อดอกไม้คุกเข่าต้อนรับเธออยู่ ในชุดสูทสีดำที่คร็อกโคไดล์อดคิดไม่ได้ว่าก็ดูเหมาะกับอีกฝ่ายไม่น้อย และรายล้อมด้วยเหล่าอัลฟ่าลูกน้องหนวดขาวคนคุ้นตาที่สวมชุดเหมือนเตรียมจะออกงานอะไรสักอย่าง พร้อมถือข้าวของที่เธอขอเดาว่าเป็นของประดับงานเลี้ยง
“งานยุ่ง?” มาดามคนสวยถามสั้นๆ
“มีงานจริงๆนะ งานใหญ่มากๆด้วย” คนถูกถามกลั้วหัวเราะในลำคอ มือใหญ่ยื่นช่อดอกไม้ใหญ่ให้หญิงสาวรับเอาไว้ ก่อนจะเผยสิ่งที่ซ่อนเอาไว้บนฝ่ามือ
นัยน์ตาสีอำพันเบิงกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นกล่องกำมะหยี่สีแดงอยู่บนนั้น และยิ่งเลิกคิ้วสูงขึ้นอีกหน่อยเมื่อมันถูกเปิดออกและใส่แหวนสีทองประดับอัญมณีนํ้างามสีแซฟไฟร์เอาไว้
“งานแต่งงานของพวกเราไง แต่งงานกันนะครับคร็อก” คำขอแต่งงานสายฟ้าแลบ จากบรรยากาศที่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าโรแมนติกได้ไหม พร้อมบรรดากลุ่มคนที่ลุ้นกันตัวโก่งเป็นแบล็กกราวน์
สีหน้านิ่งที่คร็อกโคไดล์สัมผัสได้ว่ากำลังซ่อนความลุ้นเกร็งไม่แพ้กันเอาไว้ ทำให้เธออดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ ความเหงาปลิดปลิวไปกับคนที่ขยันทำตัวน่ารักใส่
มือเรียวขยับถอดถุงมือหนังสีดำออก และยื่นมันออกไปตรงหน้าเขา
“อืม” คำตอบสั้นๆเรียกเสียงโห่ร้องยินดีให้ดังไปทั่วบริเวณ
โดฟลามิงโก้เองก็ไม่สามารถสลัดใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนแก้มแทบปริออกไปได้ รีบหยิบแหวนออกมาสวมลงไปบนนิ้งนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม หยัดกายลุกขึ้นยืนโอบกอดร่างบอบบางของโอเมก้าสาวที่เขารักเอาไว้เต็มสองแขน
“หนวดขาวอนุญาตแล้วรึไง หือ? อัลฟ่า” หญิงสาวถามดักคอ
“ที่รีบมาก่อนก็เพราะเรื่องนั้นด้วย กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็เกือบแย่เหมือนกันน้า~ จะไม่ให้รางวัลกันหน่อยหรอ?” ร่างสูงใหญ่ขยับโยกไหวเหมือนโอ๋เด็ก
พยายามข้ามเรื่องที่ตัวเองหวิดจะโดนทวนเฉาะหัวเพราะไปสู่ขอลูกสาวเพียงคนเดียวจากหนึ่งในสี่จักรพรรดิ หรือเรื่องที่ดวนกันมาแล้วรอบหนึ่งออกไป และปรับโฟกัสไปที่ของรางวัลในทันที
“ก็ตอบตกลงด้วยแล้วนี่ไง อยากได้อะไรอีกงั้นหรอ?” มาดามคนสวยตีเนียนทำมึนได้น่าฟัดที่สุดเท่าที่โดฟลามิงโก้เคยได้เห็นมา
มือเรียวโน้มลำคอแกร่งลงมาประกบจูบแผ่วเบาหลังจากหัวเราะให้กับสีหน้าแง่งอนของอีกฝ่ายแล้ว
เพียงจูบที่ปราศจากการรุกลํ้า ก็ทำให้ชายหนุ่มหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“รักคร็อกนะ” มือใหญ่โอบเอวสอบเพรียวเข้ามากอดแน่น ซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวสูดกลิ่นที่หอมหวานกว่าปกติเพราะเข้าสู่ช่วงเข้าฤดูแล้วอย่างเผลอไผล
“อืม ฉันก็รักนายโดฟลามิงโก้”
มาดามคนสวยเอ่ยคำหวานบอกรักบ้าง ชวนให้คนที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักยิ้มกว้างออกมา บรรยากาศครึกครื้นของงานเลี้ยงแต่งงานค่อยๆเริ่มขึ้น เมื่อเจ้าสาวและเจ้าบ่าวอยู่กันพร้อมเพรียงแล้ว
……………………………………
หญิงสาวในชุดเกาะอกยาวสีขาวประดับลูกไม้หรูหรา ถอดถุงมือยาวเลยศอกออก โยนทิ้งลงกับพื้นพรมนุ่มนิ่ม เหมือนกับอัลฟ่าตัวใหญ่ที่โยนเนคไทของตัวเองไปสักมุมหนึ่งแล้วอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
โดฟลามิงโก้โน้มกายลงคร่อมร่างบางในชุดแต่งงานเอาไว้ ประกบจูบลงที่เรียวปากอิ่มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระหายอยาก ราวกับนักเดินทางคอแห้งผากที่ในที่สุดก็ได้มาพบกับโอเอซิสกลางทะเลทราย
รสชาติและกลิ่นของโอเมก้าคนงามยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่ออาหารฮีทเกิดขึ้นอย่างเป็นใจ
นัยน์ตาเชื่อมปรอยช้อนสบคนที่พยายามข่มสัญชาตญาณดิบของตัวเองเอาไว้ออดอ้อน มือเรียวเลอะกระดุมเม็ดเล็กออกจากรังดุมทิ้งอ้อยอิ่ง และแนบใบหน้าลงกับแผ่นอกสีแทนสูดกลิ่นแข็งแกร่งของโดฟลามิงโก้พึงพอใจ
“อืม…โดฟลามิงโก้” มาดามคนสวยครางอื้อในลำคอ พอใจกับมือใหญ่ที่ค่อยๆลูบไล้เธออย่างเบามือและทิ้งความอบอุ่นเอาไว้ในทุกๆสัมผัสนั้น
ชื่อเรียกที่ได้ยินยิ่งกระตุ้นให้คนตัวใหญ่ร้อนลุ่มมากยิ่งขึ้น โอเมก้าคนสวยของเขางดงามเหลือเกินเมื่อถูกอาบย้อมด้วยแสงสว่างสีนวลตาของโคมไฟตั้งโต๊ะ
เสื้อสูทพิธีการถูกโยนไปคนละทิศละทางเหมือนกับชุดราตรีสีบริสุทธิ์ เรือนร่างเปลือยเปล่าแนบสนิทกัน มอบความอบอุ่นแก่กันและกันจนกลายเป็นเร่าร้อนเกินทางทน เรียวปากบางประทับจูบบนกลับปากอิ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ตามที่เสียงแว่วหวานครางเรียกร้อง
ร่างกายค่อยๆสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันแนบแน่น วาบหวาน โอเมก้าสาวครางออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทุกครั้งที่ถูกจังหวะรุนแรงเร่งเร้าให้รู้สึกดี จนเสียงหวานเริ่มแหบพร่าและเจ็บคอไปหมด แต่จังหวะรักก็ยังไม่จบลง
“รักนะ…ฉันรักคร็อกนะ รักที่สุด” คำบอกรักแว่วหวานดังมาให้ได้ยินตลอดๆ มือใหญ่โอบแผ่นหลังเนียนขึ้นเมื่อคนตัวเล็กกว่าผวาขึ้นกอดคอเขา
เล็บสั้นที่ตัดเป็นอย่างดีจิกขวนลากยาวบนแผ่นหลัง ความแสบสันเล็กๆยิ่งทำให้โดฟลามิงโก้เร่งจังหวะกระทั้นกายมากขึ้น
ของเหลวขุ่นๆปลดปล่อยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มากมายเติมเต็มจนล้นเปรอะเปื้อนไปทั่ว
“อือ…รัก…” ราชินีคนสวยตอบรับมึนๆในลำคอ รู้สึกคิดอะไรไม่ออกในสมองขาวโพลนไปหมด ด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“แปปนะ…” อัลฟ่าตัวใหญ่พลิกให้โอเมก้าคนสวยนอนควํ่า
คร็อกโคไดล์ร้องออกมาอย่างขัดใจ ทำท่าจะหันกลับมาแต่ก็ถูกท่อนแข็งแกร่งยึดร่างเอาไว้ จนต้องเอ่ยปาก
“ไม่เอาท่านี้! ฉันไม่ชอบ!”
“แค่แปปเดียว เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” นายน้อยดอนฆีโฮเต้ไม่ฟังคำทัดทานนั้น
ซํ้าร้ายมือใหญ่กลับปัดเรือนผมตัดสั้นชื้นเหงื่อที่ปรกหลังคอขาวออกแผ่วเบา
“นายจะทำอะไร…อ๊ะ!…”
เขี้ยวคมฝังลงบนเป้าหมายที่ลอยอยู่เด่นชัดไม่เบานัก ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นที่ข้อมือมาปรากฏอีกครั้งที่หลังคอ และครั้งนี้คร็อกโคไดล์ก็รู้ว่า เวลาจะไม่รักษาให้มันหายไป…
ร่องรอยแห่งการเลือกคู่ รอยกัดที่หลังคอคือสัญลักษณ์ของอัลฟ่า เพื่อให้มันเป็นพันธสัญญาพันผูกตลอดกาลว่าโอเมก้าคนนั้นจะไม่มีใครอื่นนอกจากตนตลอดช่วงชีวิตนี้ และนั่งคือสิ่งที่มัลโก้บอกกับเขา
“อัลฟ่า!!” เสียงแหบพร่าร้องเรียกอีกฝ่ายเกรี้ยวกราด
ทว่าคนที่คาดไว้อยู่แล้วว่าจะถูกโกรธ กลับทำเพียงจูบทับลงไปบนรอยเขี้ยวครบยี่สิบแปดซี่บวกเขี้ยวอีกสองของตน ลากลิ้นไล้เลียเลือดที่ไหลซิบออกมาเล็กน้อย ยอมพลิกให้มาดามคนสวยที่โกรธเสียแล้วกลับมาเผชิญหน้า
“จำไม่ได้เลยว่าอนุญาตให้กัด…” เสียงแหบกดตํ่าไม่พอใจ
นัยน์ตาสีโทนร้อนจ้องนัยน์ตาต่างโทนของอีกฝ่ายเอาเรื่อง
“ขอล่ะครับ ไม่อยากให้พวกอัลฟ่าตัวอื่นมาทำสายตาหวานหยดใส่คร็อกอีกแล้ว แล้วก็อยากให้มันเป็นสายสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันจางหายระหว่างพวกเรา” โดฟลามิงโก้อธิบาย พลางยกมือที่สวมแหวนของเขาเอาไว้ขึ้นจูบออดอ้อน
โอเมก้าคนสวยหรี่ตาลงจับผิด ก่อนจะดึงร่างสูงใหญ่ให้ลงมาในระยะที่เธอจะซบแผ่งอกกว้างนั้นได้ถนัดถนี่
“ฉันจะทำโทษนาย นายจะไม่ได้รับสิทธิ์ให้พลิกฉันหันหลังอีกต่อไปแล้วอัลฟ่า” ราชินีแห่งเมืองท่าทะเลทรายเอ่ยด้วยนํ้าเสียงจริงจัง และไม่ทำอะไรนอกจากดึงอีกคนลงมาประกบจูบ เพิ่มนํ้ามันลงไปในไฟราคะที่ไม่สามารถดับลงได้ง่ายๆ
เติมเชื่อเพลิงให้ร่างกายขยับไหวไปตามสัญชาตญาณจนกว่าความปรารถนาจะสิ้นสุดลง
ในโลกที่บิดเบี้ยวและถูกตัดสินจากเพียงกลิ่นและชาติพันธุ์ที่กำเนิด ก็ยังคงมีความหวังและความสุขเล็กๆที่งอกเงยออกมาได้อย่างงดงาม ราวกับของขวัญจากพระเจ้าที่มองไม่เห็น
ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่ แต่เพราะมองไม่เห็นมันก็อาจจะไม่มีจริงก็ได้ แท้จริงแล้วทั้งความสุขและความทุกข์คนที่สร้าง คนที่ตัดสินก็คือพวกเราทั้งนั้น
คํ่าคืนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ความทุกข์จะมาเยือน ดังนั้นแล้ว ตอนจบของเรื่องราววาบหวานนี้ จริงกลายเป็น happy ending แสนสุขยังไงล่ะ
………………………………
HBD ย้อนหลังนะคะ รักเสี่ยรักป๋ามากๆ ขอให้หนูได้กรี๊ดไปอีกนานๆ แอร๊ย
ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเมนท์หวีดกันได้นะคะ
เขียนคู่นี้ทีไรดาร์กไม่ลงทุกที คราวหน้าจะพยายามดาร์กบ้างอะไรบ้างให้ได้!!
(แต่นกเป็นแบบนี้น่ารักเนอะ แงๆ สองจิตสองใจ)
ชอบบุคลิกของเสี่ยป๋าของไรท์มากเลยค่ะ มันกำลังพอดี คืออ่านฟิคของท่านอื่นมักจะเจอในแบบ SM แบบเลือดตกยางออกหรือไม่ก็ดาร์กไซด์ไปเลย หาอ่านคู่นี้ที่กำหนดคาร์แรคเตอร์ให้เสี่ยเป็นเสี่ย ป๋าเป็นป๋า ที่อยู่ในขอบเขตความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริงแบบนี้ยากมากค่ะ //กราบไรท์งามๆ
ชอบที่เขียนถึงอารมณ์ยามดีใจของเสี่ยได้น่ารักมากค่ะ เราจินตนาการถึงผู้ชายตัวใหญ่ที่ไม่เคยมีคามรักแล้วมาหลงรักเอาตอนอายุ41นี่คือมันน่ารักแท้! (ตามบทบรรยายของไรท์นะคะ) ส่วนป๋าคือเป็นราชินีที่น่ารักจริงตามที่เฮียมัลโก้บอกเลยค่ะ คือปากดุนะแต่ใจนี่คือเหมือนคุณแม่ดุลูกอ่ะ ไม่แปลกใจที่จะเป็นที่รักของทุกคน
เราถือว่าเสี่ยเรื่องนี้เป็นเสี่ยที่เป็นตัวอย่างในการเขียนที่ดีเรื่องหนึ่งเลย เพราะบทความอดทนของความเป็นอัลฟ่ามักจะถูกเขียนไปเลยว่าอดไม่ไหว ลงมือก่อน แต่เสี่ยเรื่องนี้กลับอดทนได้จนถึงตอนแต่งงาน มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามาก เพราะเมื่อเทียบน้ำหนักกับฟิคอื่นๆ หรือโดจินอื่นๆ มักจะไปในทางเดียวกันว่าจะสิ้นสติในทันทีและลงมือกอดโอเมก้าที่ฮีทอยู่ สุดท้ายมันจึงกลายเป็นฝันร้ายและรอยร้าวที่ต้องแก้ปมรักษากันไป
คือดีอ่ะ มันดีจนไม่รู้จะชมอย่างไรกับความเสี่ยป๋าในฟิคนี้ มันดีจริงๆ ไรท์เก็บรายละเอียดดีมาก ชอบความพ่อหนวดขาวด้วย ชอบทุกอย่างเลยค่ะ!
ปล. ถ้าเราไม่คิดไปเองเรื่องนี้แอบมีมัลโก้xเอสใช่ไหมคะ? แบบว่านี่ก็ชิปคู่นี้เช่นกัน ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยเบลอนักอ่านคนนี้ไปเถอะค่ะ 555
ปลล. อบคุณสำหรับฟิคดีๆ ค่ะ! >w<
ถูกใจLiked by 1 person
เมนท์ยาวมากกก ดีใจจังเลยยย ขอบคุณนะคะ 🥰🥰 ตอนเขียนฟิคเรื่องนี้ก็ได้รับผลกระทบจากการเสพฟิค ABO SM มากเกินไปจนรู้สึกว่า มันต้องขนาดนั้นเลยหรือมากๆค่ะ แต่ทุกคนก็ดูชอบกัน ตอนเขียนเรื่องนี้ออกมาเลยรู้สึกเหมือนตัวเองเขียนฉีกไปจนไม่ใช่ ABO เลยล่ะค่ะ //ฮาๆ แต่พอได้อ่านคอมเมนท์ดีๆแบบนี้ เลยรู้สึกดีมากเลยล่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งจริงๆนะคะ ที่หาฟิคจนเจอ แล้วก็คอมเมนท์ให้มากมายขนาดนี้ คู่เสี่ยป๋าเรายังเขียนอยู่อีกสองสามเรื่องในบล็อกนะคะ เผื่อสนใจ (ฮาๆๆ)
ปล.มัลโก้เอสแน่นอนค่ะ ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของมัลโก้มากๆเลยค่ะ 🥰🥰
ถูกใจLiked by 1 person
กลับมาอ่านอีกครั้งจึงพบว่าไรท์มาตอบ!
ดีใจที่มีไรท์เขียนเสี่ยป๋าออกมาในมุมนี้ค่ะ อย่างน้อยในโลกความ SM ของสองคนนี้ก็สามารถมีความรักที่งดงามได้ เป็นสิ่งเยียวยาใจที่ดีเลยล่ะค่ะ ส่วนคู่มัลโก้เอส เราเองก็ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของมัลโก้ ความพี่เลี้ยงที่เข้าใจในตัวเอสมากที่สุด มันกร๊าววววใจที่สุด!
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ ค่ะ
ถูกใจLiked by 1 person